รัสเซียผลิตวัคซีน

รัสเซียผลิตวัคซีน

สัปดาห์ที่ผ่านมาปิดลดลง 2.65 จุด โดยแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดบวกสลับลบตลอดทั้งสัปดาห์

โดยมีปัจจัยบวกจากความคืบหน้าของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงถูกดดันจากความกังวลข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ประกอบกับประเด็นการเมืองภายในประเทศ โดยวันศุกร์ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,327.05 จุด (-19.64 จุด) Volume 5.8 หมื่นลบ. ต่างชาติ -1,211.49 ลบ. TFEX Net -15,425 สัญญา ตราสารหนี้ -607 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+/- ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 34.30 จุด +0.12% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดลดลง หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 23 เซนต์ -0.5% ปิดที่ 42.01 ดอลลาร์/บาร์เรล  หลังจากองค์กรต่างๆ คาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกลดลง

+รัสเซียเผยเริ่มผลิตวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกแล้ว

+เฟดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนก.ค.

+ผลสำรวจม.มิชิแกนชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐสูงกว่าคาดในเดือนส.ค.

-สหรัฐ-จีนเลื่อนเจรจาทบทวนดีลการค้าเฟสแรกที่เดิมกำหนดไว้ 15 ส.ค. และยังไม่กำหนดวันเจรจาใหม่ สหรัฐ ระบุว่าขัดแย้งเรื่องกำหนดเวลาและต้องการให้เวลาจีนซื้อสินค้าสหรัฐเพิ่มมากขึ้น

-สหรัฐเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจลดลง 1.1% ในเดือนมิ.ย.

-ญี่ปุ่นรายงาน GDP ไตรมาส 2/63 หดตัวแรงเป็นประวัติการณ์ 27.8%

  -IATA คาดการเดินทางทางอากาศทั่วโลก ไม่สามารถฟื้นตัวสู่ระดับก่อนโควิด-19 ระบาดจนถึงปี 2567 

-การชุมนุมประท้วงภายในประเทศเข้มข้นขึ้นกดดันแก้รธน.และยุบสภา

-ตลาดคาดสภาพัฒน์รายงาน GDP ไตรมาส 2/63 หดตัวในอัตราตัวเลขสองหลัก

-ตลาดหุ้นโตเกียวเช้านี้เปิด -99.98 จุด วิตก GDP หดตัวแรง 

*จับตาสภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 2/63 ส่วนสหรัฐเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค.

 

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน โดยมีประเด็นบวกจากการที่รัสเซียผลิตวัคซีนสู้ไวรัสโควิด-19 ลอตแรกออกวางตลาด ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศยังเป็นตัวกดดันตลาด จากการชุนนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,315-1,340 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

XO ซื้อ ราคาเหมาะสม 13.90 และคาดหวังอัตราเงินปันผล 3.6% ต่อปี

  • รายงานกำไร 2Q63 เท่ากับ 92 ลบ.+94%YoY และ +560%QoQ โดยรายได้ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 339 ลบ. +25%YoY เติบโตจากตลาดยุโรปเป็นสำคัญ หลังประชาชนมีการซื้อวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหารเองในช่วงล็อกดาวน์เพิ่มขึ้น ขณะที่ %GPM ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 41.8% จาก 1Q63 อยู่ที่ระดับ 33.7% เนื่องจากการขายสินค้าไปยังประเทศใหม่ได้ราคาจำหน่ายที่ดีขึ้น อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุนต่อ %GPM เพิ่มเติม บริษัทรายงานกำไร 6M62 ที่ 139 ลบ. +71%YoY และคิดเป็น 57% ของประมาณการ
  • คาดการณ์กำไรปี 63 อยู่ที่ 242 ลบ. +75%YoY โดยรายได้ทั้งปีอาจทำ New High ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา (บริษัทมีรายได้สูงสุดในปี 2561 อยู่ที่ 1.15 พันล้านบาท) จากการเติบโตในตลาดยุโรปเป็นสำคัญเนื่องจากประชาชนมีการซื้อวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหารเองหลังโควิด-19 กลับมาระบาดรอบ 2 ในประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส และสเปน ขณะที่ %GPM ทั้งปี 63 จะเพิ่มขึ้นสู่ 39% จากปี 62 ที่ 36% เนื่องจากผลของการปรับ Product Mix ของกลุ่มสินค้า Dipping Sauce ที่เพิ่มขึ้นซึ่งมี GPM สูงกว่าค่าเฉลี่ย รวมถึงการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นทำให้มีการประหยัดต่อขนาด(Economy of scales) เราคาดการณ์กำไรปี 63 อยู่ที่ 243 ล้านบาท +75%YoY

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ผลประกอบการดีกว่าตลาดคาด (VCOM BGRIM CHG TSR)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากความคืบหน้าด้านวัคซีน (AOT MINT ERW CENTEL VRANDA SPA SHR)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์หลังจีนพบไก่แช่แข็งนำเข้าจากบราซิลปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 (GFPT CPF TFG)

หุ้นมีข่าว

(+) TASCO (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 29.6 บาท) ฟุ้งปริมาณขายไตรมาส 3/2563 พุ่ง หลังเข้าไฮซีซันธุรกิจออเดอร์ยางมะตอยทั้งในและต่างประเทศไหลเข้าทะลัก เชื่องบประมาณในประเทศจะถูกใช้ต่อเนื่องยาวถึงเดือนกันยายน รับผลบวกโควิด-19 หนุนราคาขายยางมะตอยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 340 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ต้นทุนลดลงคงเป้าปริมาณขายปี 2563 ตามเดิม 1.9 ล้านตัน ปูพรมบุ๊กรายได้จากประกันภัยในปลายไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BCH (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 17.77 บาท) ชี้ช่องครึ่งปีหลังปัจจัยบวกมาเพียบ ทั้งไฮซีซันหนุนให้มีผู้ป่วยเข้าใช้บริการเพิ่ม กลุ่มประกันสังคมกลับมาขณะที่การตรวจโควิด-19 ฮอตเกินพันเคสต่อวัน รอเปิดประเทศ หนุนต่างชาติเข้ามารักษา เชื่อทั้งปียังเติบโตได้ ด้านโบรกเห็นศักยภาพกำไร Q2 ยังโตแตะ 278.59 ล้านบาท ดีกว่าคาด อัพเป้าเป็น 19.30 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) STA (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 41.75 บาท) STGT (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 148.50 บาท)  STA-STGT ควงคู่โชว์กำไรแรง Q2 รับความต้องการถุงมือยางล้น STGT ทุบสถิติกำไรแตะ 1,056 ล้านบาท พุ่ง 487.7% ชี้ราคาขายปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนน้ำยางลด แถมกำลังการผลิตสูง 95% ช่วยประหยัดต้นทุนอีก ชี้แนวโน้มไปต่อ ต้นปี 2564 กำลังผลิตเพิ่มอีก ด้าน STA รับโชคเต็มๆ กำไรทะยาน 305% เกินคาด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PTG (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 19.95 บาท) ฟุ้ชี้ปริมาณขายน้ำมันไม่ตก แม้เจอโควิด-19 แถมรักษามาร์เก็ตแชร์อันดับ 2 เหนียวแน่น Q2/2563 ฟันกำไร 513 ล้านบาท โต 20% กวาดรายได้กว่า 2.2 หมื่นล้านบาท แถมทุ่ม 334 ล้านบาท จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.20 บาทต่อหุ้น มั่นใจครึ่งปีหลังปริมาณการใช้น้ำมันโตต่อเนื่อง 8-12% พร้อมทุ่มงบกว่า 3,000-3,500 ล้านบาท ขยายธุรกิจต่อ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) AOT (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 56.10 บาท) กรมธนารักษ์ลดค่าเช่าสนามบินสุวรรณภูมิ ให้บมจ.ท่าอากาศยานไทย 50% เหลือ 1.4 พันล้านบาท จาก 2.9 พันล้านบาท พิจารณาเป็นรายปี ไม่ใช่ 3 ปีรวดตามที่ขอมา ด้านโบรกฯ มอง AOT ยังมีความน่าสนใจลงทุน หลังราคาร่วงหนัก (ที่มา ข่าวหุ้น)

(-) BEM (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 10.69 บาท) BTS (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 148.50 บาท)  “BEM-BTS” แจ้งผลประกอบการกำไรปริ่มน้ำ หลังเจอมาตรการสกัดโควิด-19 ทำผู้ใช้ทางด่วน-ผู้โดยสารรถไฟฟ้าทรุดแรง BEM แจ้ง Q2 กำไรสุทธิ 152 ล้านบาท ลดลง 80.6% ฉุดครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 660 ล้านบาท ลดลง 83.4% ฟาก BTS ได้อานิสงส์งานรับจ้างระบบราง Q1 มีกำไรสุทธิ 443 ล้านบาท ลดลง 50.4% ขณะที่ผู้โดยสารร่วง 69% (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) NOBLE(ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 16.30 บาท) ปิดงบไตรมาส 2/63 มีกำไรสุทธิ 303.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.5% ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 1.10 บาท ขึ้น XD วันที่ 27 ส.ค.นี้ แม้งบครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิลดลง 51.53% เหลือ 714.30 ล้านบาท มั่นใจรายได้รวมปีนี้ทำได้มากกว่า 10,000 ล้านบาท เหตุมีแบ็กล็อกรอบุ๊กกว่า 16,500 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) RATCH (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 74.75 บาท) มั่นใจรายได้รวมครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท เหตุเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าอีก 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 894.2 เมกะวัตต์ อัดงบลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท เร่งปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้า 2-3 โครงการ กำลังผลิตกว่า 500 เมกะวัตต์ในช่วงครึ่งปีหลัง เล็งออกหุ้นกู้ 5-8 พันล้านบาทในไตรมาส 4/63 (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BGRIM (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 55.60 บาท)ไม่ทำให้ผิดหวัง Q2/2563 กำไรพุ่ง 62.5% ทะลุ 1,017 ล้านบาท จากการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการ COD โรงไฟฟ้าใหม่ และการเข้าซื้อกิจการ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของลูกค้านิคมอุตสาหกรรม พร้อมเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามแผน เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.15 บาทต่อหุ้น (ที่มาทันหุ้น)

(+) GPSC (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 82.40 บาท) เผยบริษัทลูก GRP ดีลซื้อหุ้น 90% โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไต้หวัน ขนาด 55.8 MW ด้านผู้บริหาร "ชวลิต ทิพพาวนิช" เผยเป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับแผนการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของบริษัทในต่างประเทศ (ที่มาทันหุ้น)

(+) JUBILE (ถือ ราคาเหมาะสม 13.80 บาท) เผยผลงานงวดครึ่งปีแรก กวาดรายได้ 616.52 ล้านบาท และกำไร 80.02 ล้านบาท ชี้ยอดขายผ่านออนไลน์โตกระฉูด เล็งขยายตลาดช่องทางใหม่ เตรียมอัดผลงานครึ่งปีหลัง คาดกำลังซื้อฟื้นตัว พร้อมจัดบิ๊กอีเวนต์กระตุ้นการขายมองไตรมาส 2/2563 เป็นจุดต่ำสุด ย้ำรักษาฐานมาร์จิ้นมากกว่า 45% (ที่มาทันหุ้น)