'8 ข้อหา' นักชุมนุม ไร้ ม.112... มากเกินจริง?

แต่ละคน มีทั้งหมด 8 ข้อหา โดยไม่มีความผิดตาม “มาตรา 112” 

 โดยรายล่าสุด พริษฐ์ถูกเพิ่มข้อหาที่ 8 คือ ร่วมกันใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น ข้อหานี้ มาจากพฤติกรรมการนำมวลชนทลายแผงเหล็ก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 จนทำให้ตำรวจหญิงชุดควบคุมฝูงชนได้รับบาดเจ็บ

1. ร่วมกันกระทําให้ปรากฏแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนฯ (ป.อาญา มาตรา 116)
2. ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ
3. ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมจํานวนมากในลักษณะมั่วสุม หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคฯ
4. ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจรฯ
5. ร่วมกันวาง ตั้ง ยื่นหรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทําด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรฯ
6. ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใดๆ บนถนนฯ
7. ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกําลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ
8. ร่วมกันใช้กําลังทําร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกแถลงการณ์ชี้แจงสาเหตุการจับกุม นายพริษฐ์ โดยระบุว่า เป็นการดําเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โดยคํานึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายของผู้ถูกจับกุม ได้ให้แพทย์ตรวจร่างกายก่อนทําการสอบสวน ได้แจ้งสิทธิ์และควบคุมตัวตามกฎหมาย 

 

ข้อหามาตรา 116 ร่วมกันกระทําให้ปรากฏแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนฯ ถูกตั้งคำถามว่า เกินกว่าที่จะกระทำกับนักศึกษาหรือไม่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ยืนยันว่า ตำรวจใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานนานพอสมควรก่อนที่จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วจึงดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ตำรวจไม่ได้มีนโยบายตั้งเป้าจับใคร ทุกอย่างทำตามพยานหลักฐานและขั้นตอนของกฎหมาย เช่นเดียวกับการที่ตำรวจไปตรวจค้นบ้านพักก็ทำตามขั้นตอนและมีเหตุผลในการเข้าตรวจค้น

ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนการชุมนุม ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการตั้งข้อหามากเกินจริงหรือไม่ แต่ความผิดเหล่านี้ ที่สุดก็ต้องไปจบที่ศาลยุติธรรม