KCE - ซื้อ

KCE - ซื้อ

ถึงรอบแล้ว

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

ยอดขายจะฟื้นตัวต่อเนื่องใน 2H63-2564

เราคาดยอดขายจะฟื้นตัวขึ้นใน 2H63 และปี 2564 หลังจากทำสถิติต่ำสุดที่ 67 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 2Q63 จากมาตรการ lockdown เพื่อคุม Covid-19 ผู้บริหารคาดยอดขายโต 15-20% QoQ ใน 3Q63-4Q63 ทำให้ยอดขายปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 340-350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สอดคล้องกับสมมติฐานในปัจจุบันของเรา) KCE คาดว่ายอดขายปี 2564 จะโตเกิน 10% ซึ่งก็สอดคล้องกับสมมติฐานในปัจจุบันของเราที่ 402 ล้านดอลลาร์ (+15% YoY) ทั้งนี้ คำสั่งซื้อที่ฟื้นตัวขึ้นจะมาจากชิ้นส่วนใหม่ของลูกค้าเดิม และคำสั่งซื้อใหม่จากกลุ่มยานยนต์จะยังคงเป็นกลุ่มหลักต่อไป (ยอดขายกลุ่มยานยนต์คิดเป็น ~75% ของยอดขายรวม)

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นอีกเนื่องจากอัตรากำไรดีขึ้น

แม้ว่าราคาทองแดงจะพุ่งจาก ~US$4,000/ton ในเดือน เม.ย. เป็น ~US$6,500/ton ในเดือน ก.ค. แต่ KCE เชื่อว่าจะสามารถบริหารความเสี่ยงได้หลังจากได้ต่อรองราคาวัตถุดิบกับ supplier ในช่วงที่ Covid-19 ระบาด นอกจากนี้ การที่บริษัทมีการประหยัดต่อขนาดเพิ่มขึ้นจากยอดขายที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวใน 2H63-2564 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นใน 1H63 อยู่ที่ 21.7% เราจึงปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2563 ขึ้นอีก 2% (จากเดิม 20% เป็น 22%) และปี 2564 ขึ้นอีก 1.1% (จากเดิม 22.4% เป็น 23.5%) และปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2563 ขึ้นอีก 17% และปี 2564 ขึ้นอีก 5% โดยเราคาดว่าผลประกอบการของ KCE จะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q63 ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในปีนี้โต 10% และปี 2564 โตถึง 38%

ปรับเพิ่ม PER

ถึงแม้ว่า KCE จะไม่ได้รับผลบวกโดยตรงจากแนวโน้มขาขึ้นของ 5G, AI, IoT แต่ธีมเฉพาะของ KCE จะอยู่ที่การฟื้นตัวอย่างโดดเด่นของกำไร เราคาดว่ากำไร KCE จะโต QoQ โดดเด่นที่สุด ใน 3Q63 และโต 38% ในปี 2564 ในขณะที่ความเสี่ยงด้านราคาทองแดงคาดอยู่ในระดับที่จัดการได้ เราจึงปรับเพิ่ม PER จากเดิมที่ 24.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีต +0.5 S.D.) เป็น 30.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีต +1.25 S.D.) คิดเป็น PEG ที่ 0.8X ด้วยสมมติฐานยอดขายปี 2564 ที่ 402 ล้านดอลลาร์ (คิดเป็นอัตราการเติบโตของยอดขายที่ 2% จากปี 2562) และอัตรากำไรขั้นต้นปี 2564 ที่ 23.5% (จากค่าเฉลี่ยสิบปีย้อนหลังปี 2553-2562 ที่ 25.7% และเป้าของบริษัทใน 4Q63 ที่ 24.0%)

Valuation & Action

เราปรับราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 เป็น 35.00 บาท จากเดิมที่ 26.00 บาท อิงจาก PER ที่ 30.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต +1.25 S.D.) เนื่องจากยังมี upside จากราคาปิดอีก 17% เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ

Risks

ภัยธรรมชาติ มีการปิดโรงงานนอกแผน ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น ขาดแคลนวัตถุดิบและเงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2563-64 ที่ 31.90 บาท/US$)