sideway down

sideway down

ดัชนีวานนี้ปิดบวก 9.85 จุด คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ ขานรับข่าวความคืบหน้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19

ประกอบกับเริ่มเห็นการฟื้นตัวในหุ้นกลุ่ม Laggard อาทิ กลุ่มแบงก์ และท่องเที่ยว ประกอบกับกลุ่ม ENERG ปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,346.69 จุด (+9.85 จุด) Volume 7.8 หมื่นลบ.ต่างชาติ -468.78 ลบ. TFEX Net +3,212 สัญญา ตราสารหนี้ –1,065 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 80.12 จุด -0.29% หลังมีรายงานว่า การเจรจาในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 43 เซนต์ -1% ปิดที่ 42.24 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก IEA ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปี 63-64 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

+สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว +หน. ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังดีดตัวขึ้นเป็นรูปตัว V ตัวเลขเศรษฐกิจระยะนี้ดีกว่าเดือนที่แล้ว

+สหรัฐเผยดัชนีราคานำเข้าปรับตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนก.ค.

-ปัจจัยการเมืองในประเทศมีความไม่แน่นอนจากการชุมนุมเรียกร้อง

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดเพิ่มขึ้น 1.46 จุด  +0.04%

+ดัชนีนิกเกอิปิดเพิ่มขึ้น 405.65 จุด +1.78% เช้าเปิด +74.31 จุด เยน อ่อนรุนแรงซื้อหุ้น

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.31 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.04 บาท/US

*จับตาสหรัฐเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค. ส่วน EU เผย GDP ไตรมาส 2/2563

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในลักษณะ Sideway Down โดยมีแรงกดดันจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่อ่อนตัวลง 1% คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,330-1,355 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

SMPC | Analyst Meeting (Bloomberg Consensus 14.35 บาท) มุมมองบวกต่อเนื่องใน 2H63

(+) รายงานกำไร 2Q63 เท่ากับ 182.2 ลบ. +49%YoY +25%QoQ โดยบริษัทมีรายได้เท่ากับ 1,093 ลบ. +21%YoY +16%QoQ จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นสู่ 2 ล้านใบ/ไตรมาส (%U.rate = 79%) จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านใบ/ไตรมาส เนื่องจากความต้องการใช้แก็สที่เพิ่มขึ้นในแถบประเทศ Africa , Asia, และ North America ขณะที่ %GPM เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 26.4% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 23.3% ซึ่งได้ผลบวกจากเงินบาทที่อ่อนลง ประกอบกับราคาเหล็กซึ่งเป็นต้นทุนลดลง ส่งผลให้ 1H63 บริษัทมีกำไรเท่ากับ 329 ลบ. +59%YoY

(+) แนวโน้ม 2H63 ดีขึ้นต่อเนื่อง YoY HoH ตามทิศทางความต้องการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จากราคา LPG ที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับอานิสงส์จากสถานการณ์ COVID-19 โดยบริษัทคาดปริมาณขายทั้งปีราว 7.3 ล้านใบ (1H63 ขายได้ 3.6 ล้านใบ) โดยผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นใน 3Q63 หลังบริษัทเพิ่งเซ็นสัญญาขายถังแก็สให้กับบริษัท Major Oil 2 แห่งใน Africa ขณะที่ %GPM จะทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียง 2Q63 ที่ระดับ 26.4% จากราคาเหล็กที่อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับเพิ่มการขายถังแก็สแบบ 3-Piece ซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่า

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้นที่ผลประกอบการดีกว่าตลาดคาด (VCOM BGRIM CHG TSR)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากความคืบหน้าด้านวัคซีน (AOT MINT ERW CENTEL VRANDA SPA SHR)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์หลังจีนพบไก่แช่แข็งนำเข้าจากบราซิลปนเปื้อนเชื้อโควิด-19 (GFPT CPF TFG)

หุ้นมีข่าว

IVL (Bloomberg Consensus 32.93) รายงานกำไร 154 ลบ. –93%YoY และ
–73
%QoQ โดยดีกว่าที่ Bloomberg คาดว่าจะขาดทุน 154 ลบ. เหตุผลที่กำไรลดลงมาจากผลขาดทุนจากสินค้าคงเหลือ 3 พันล้านบาท ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจ PET และ Packaging ที่อัตรากำไรปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ครั้งเดียว

ความเห็น เราคาดว่าผลประกอบการของ IVL ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทปรับตัวขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานทรงตัวที่ระดับ 3 พันล้านบาทซึ่งถือเป็นระดับปกติในอดีต แนะนำ ซื้อ โดยมีแนวรับ  24-25 แนวต้าน 26-27

ORI Conference Call (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 6.97 บาท)

รายงาน 2Q63 มีกำไรสุทธิ 707 ล้านบาท ดีกว่าคาด 36% +19%QoQ

-4%YoY  1H63 มีกำไรสุทธิ 1,302 ล้านบาท -11% อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือ 35.4% ลดลงจาก 40% ใน 1Q63 และ 43% ใน 2Q62 อัตรากำไรสุทธิแม้ลดเหลือ 22% จาก 24.7% ใน 1Q63 แต่ทรงตัว yoy จากการลดค่าใช้จ่ายที่ทำได้ดีมีประสิทธิภาพ ปลายงวด 2Q63 มี backlog รอโอน 3.8 หมื่นล้านบาท  ผู้บริหารคงเป้ายอดโอน 1.4 หมื่นล้านบาท (มี backlog รองรับ 79%) และรายได้รวม 1.6 หมื่นล้านบาท โดยมี แผนเปิดโครงการใหม่ในช่วง 2H63 เน้นเปิดเฉพาะโครงการแนวราบและระบายสต๊อกคอนโดฯพร้อมขาย

ความเห็น คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกจากจำนวนโครงการที่มีกำหนดโอนที่มากกว่า (2H63 จะเปิด14 โครงการใหม่มูลค่า 1.67 หมื่นล้านบาท  1H63 เปิดเพียง 2 โครงการใหม่) ราคาปิดล่าสุดซื้อขายที่ PE ต่ำเพียง 6 เท่า dividend yield เกือบ 7% แนะนำถือยาวรอรับเงินปันผล

(+) CPF (Bloomberg Consensus 37.95 บาท) ไตรมาส 2/63 ฟันกำไรสุทธิ 6,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% หนุนงบครึ่งปีแรกเบ่งกำไรสุทธิ 12,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.80% เหตุรายได้จากการขายและอัตรากำไรของกิจการต่างประเทศเพิ่มขึ้น พร้อมประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 0.40 บาท ขึ้น XD วันที่ 28 ส.ค.นี้ และจ่ายปันผลในวันที่ 11 ก.ย. 63  (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) WICE (Bloomberg Consensus 3.50 บาท)   เริ่ด! ไตรมาส 2/63 ทำกำไร 55.27 ล้านบาท พุ่ง 486.24% หลังรายได้ บ.ย่อยสูงขึ้นจากปริมาณงานลูกค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และค่าระวางที่เพิ่ม หนุนครึ่งปีแรกโกยกำไร 85.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305.84% มั่นใจครึ่งปีหลังโตแรง ได้อานิสงส์ไฮซีซั่น พร้อมรับผลบวกโควิด-19 รวมถึงบุ๊กงบ WICE SG เต็ม 100%  (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SPCG (Bloomberg Consensus 17.70 บาท) เร่งปิดดีลเจรจาลงทุนธุรกิจใหม่กว่า 1 หมื่นล้านบาทภายใน ต.ค.นี้ เล็งระดมทุนออกหุ้นกู้รองรับลงทุน ส่วนแนวโน้มยอดขายไตรมาส 3/63 อาจลดลงจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 1,174 ล้านบาท ลั่นรายได้ปีนี้เข้าเป้า 5.5 พันล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(-) MINT (Bloomberg Consensus 19.61 บาท) แจ้งไตรมาส 2/63 ขาดทุน 8.4 พันล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีแรกขาดทุน 1 หมื่นล้านบาท หลังธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คาดภายในสิ้นปีนี้โรงแรมและร้านอาหารทั้งหมดจะกลับมาเปิดให้บริการได้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ZEN (Bloomberg Consensus 7.60 บาท) แย้มครึ่งหลังปี 2563 มาร์จิ้นแจ่มกว่าครึ่งแรกปีนี้รับยอดขายสาขาเดิมฟื้นตัวเด่น แถมเดินหน้ารุกเดลิเวอรี่-รีเทล ขยายช่องรับทรัพย์เพิ่ม ส่วนปีนี้วางเป้ายอดเดลิเวอรี่พุ่งเกิน 100% ประมาณ 280-300 ล้านบาท จากปีก่อนที่ราว 120 ล้านบาท รับเทรนด์ทานอาหารที่บ้านบูม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SKY (ราคาเหมาะสม 14.70 บาท)  พุ่งเป้ารุกภาคเอกชน นำร่องเฟสแรกส่ง Smart Security ลงพื้นที่คอนโดมิเนียม เริ่มไตรมาส 4/2563 นี้ ฟากบอสใหญ่ "สิทธิเดช มัยลาภ" เชื่อท่องเที่ยวฟื้น หนุนรายได้จากการลงทุนให้ AOT ชัดปีหน้า พร้อมตั้งเป้าโกยเงินเข้ากระเป๋า 6 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) DOD (Bloomberg Consensus - บาท) โชว์งบไตรมาส 2/63 กำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 329% ขณะที่รายได้จากการขายอยู่ที่ 430 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 238% รับอานิสงส์โควิด-19 ออเดอร์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพุ่งกระฉูด (ที่มา ทันหุ้น)

 (+) THRE (Bloomberg Consensus 0.50 บาทเผยทิศทางในครึ่งปีหลังเติบโตดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประกันสุขภาพที่เป็นพอร์ตใหญ่ ระบุยังมีเบี้ยที่จะทยอยรับรู้ต่อเนื่องไปอีก 3 ไตรมาส คาดปีนี้ปิดเบี้ยสุทธิที่ 3,800 ล้านบาท หรือ เติบโต 10% ตามเป้า เผยเตรียมจ่ายปันผลหลังลดทุน เพื่อล้างขาดทุนเสร็จ (ที่มา ทันหุ้น)