BEM เผยกำไรสุทธิไตรมาส 2 วูบ 80% เซ่นพิษโควิด-19

บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2563 บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 152 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรจากการดำเนินงานปกติของไตรมาสที่ 2 ปีที่ผ่านมา ลดลง 632 ล้านบาท หรือ 80.6% สาเหตุหลักจากรายได้ที่ลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 หากนับรวมกำไรจากการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนใน บมจ.ทีทีดับบลิว (TTW) สุทธิจากภาษี 2,334 ล้านบาท ในปี 2562 แล้วกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ลดลง 2,966 ล้านบาท หรือ 95.1% เนื่องจากไม่มีรายการดังกล่าวในปีนี้

บริษัทมีรายได้จากธุรกิจหลัก 2,489 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 1,376 ล้านบาท หรือ 35.6% โดยรายได้ค่าผ่านทางลดลง 1,015 ล้านบาท รายได้ค่าโดยสารและรับจ้างเดินรถลดลง 346 ล้านบาท และรายได้พัฒนาเชิงพาณิชย์ลดลง 15 ล้านบาท ในส่วนของรายได้อื่น จำนวน 274 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 209 ล้านบาท ปัจจัยหลักจากการบันทึกเงินปันผลรับจาก TTW เป็นรายได้แทนการบันทึกส่วนแบ่งกำไรเนื่องจากการเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนและไม่มีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในไตรมาสที่ 2 ปีนี้

ในด้านต้นทุนการให้บริการ จำนวน 1,821 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 659 ล้านบาท หรือ 26.6% สาระสำคัญจากการลดลงของค่าตัดจำหน่ายสิทธิในการใช้ประโยชน์บนงานก่อสร้างทางด่วนของทางพิเศษศรีรัช ส่วนเอ บี ซี ซึ่งได้ถูกตัดจำหน่ายหมดแล้วในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งเปิดให้บริการครบทั้งสายทางแล้วเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมาสำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย

สำหรับงวดหกเดือนปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 660 ล้านบาทลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,317 ล้านบาท หรือ 83.4% สาเหตุหลักมาจากปีก่อนมีกำไรจากการโอนเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนแต่ไม่มีรายการลักษณะดังกล่าวในปีนี้ รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ปริมาณจราจรและปริมาณผู้โดยสารลดลง ส่งผลให้รายได้ของบริษัทลดลงด้านต้นทุนการให้บริการ จำนวน 4,316 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 615 ล้านบาท หรือ 12.5% และค่าใช้จ่ายทางการเงิน จำนวน 1,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 179 ล้านบาท หรือ 21.7%