MINT อ่วม โค้ง2 ขาดทุน 8.4 พันล้าน 'ผู้บริหาร' เชื่อธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

MINT อ่วม โค้ง2 ขาดทุน 8.4 พันล้าน 'ผู้บริหาร' เชื่อธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

MINT ไตรมาส2 ขาดทุน 8.44 พันล้านบาท เหตุ โควิดระบาดกระทบทุกธุรกิจ ส่งผลงวดครึ่งปีแรกขาดทุน 1.02 หมื่นล้านบาท ด้านผู้บริหาร เชื่อ ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดจากนี้เริ่มฟื้น แจงเปิดบริการโรงแรมแล้ว 70% -ร้านอาหารกว่า 90%

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือMINT แจ้งผลดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2563 ว่า บริษัท ขาดทุนสุทธิ 8,447.63 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 1,786.01 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทมีรายได้ลดลง 79% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 6,682 ล้านบาท เพราะ ทั้ง 3 ธุรกิจในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมของกลุ่มไมเนอร์ โฮเทลส์ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และบริษัทมีการบันทึกรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในไตรมาสนี้ และเมื่อรวมผลกระทบการบังคับใช้มาตรฐานบัญชี (TFRS16)


ขณะครึ่งปีแรก2563 ขาดทุนสุทธิ 10,221.16 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 2,369.14 ล้านบาท เพราะ มีรายได้ลดลง 52%จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 29,231 ล้านบาท

สำหรับปัจจุบันบริษัทได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้า โดยโรงแรมได้กลับมาเปิดให้บริการแล้วมากกว่า 70% และร้านอาหารมากกว่า 90% โดยภายในสิ้นปี 2563 บริษัทคาดว่าโรงแรมและร้านอาหารทั้งหมดจะกลับมาเปิดให้บริการและมีผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัว


ส่วนด้านการบิรหารจัดการกระแสเงินสดและฐานะการเงิน ซึ่งบริษัทมีแผนระดมทุน โดยการเสนอขายหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุนสกุลเงินดอลลาร์ และการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนโดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนรวม 20,000 ล้านบาท อีกทั้งมีเงินสดและวงเงินสินเชื่อจำนวน 62,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินงานในอนาคตและใช้เป็นเงินทุนสำรองสำหรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการ์โควิด-19 ที่กำลังปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้การออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งคาดว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิในครั้งนี้จะมีจำนวนมาก จะช่วยเพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้นอีกจำนวน 5 พันล้านบาท ในระหว่างนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าลดค่าใช้จ่ายและรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่องเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง


อย่างไรก็ตามบริษัทได้ก้าวผ่าช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดในช่วงไตรมาส2ปีนี้ มาแล้ว ในอนาคตข้างหน้าบริษัทคาดว่าจะมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ