‘วายแอลจี’ชี้5ปัจจัยถล่ม‘ราคาทอง’รูดต่ำ 2 พันดอลล์

‘วายแอลจี’ชี้5ปัจจัยถล่ม‘ราคาทอง’รูดต่ำ 2 พันดอลล์

“วายแอลจี” เผยราคาทองคำรูดหนักจาก 5 ปัจจัย ทั้งข่าววัคซีนโควิด ดัชนี PPI ของสหรัฐดีเกินคาด บอนด์ยิลด์พุ่ง เงินดอลลาร์แข็ง ทั้งยังเผชิญแรงขายทางเทคนิค

ราคาทองคำตลาดโลกผันผวนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะช่วงคืนวันที่ 11ส.ค.2563 ราคาทองคำลดลงต่ำกว่าระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดย สัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 93.4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 4.58% ปิดที่ 1,946.3 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นการปรับลดลงภายในวันเดียวที่รุนแรงสุดรอบ 7 ปี

ล่าสุด ราคาทองคำ ยังปรับลดลงต่อเนื่องมาเคลื่อนไหวในระดับ 1,890 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่า แรงขายทองคำที่ออกมาอย่างหนักหน่วงมาจาก 5 ปัจจัยหลัก 

1.ข่าวรัสเซียประกาศว่าได้อนุมัติวัคซีนต้านโรคโควิด-19 เป็นประเทศแรกของโลกช่วยจุดประกายความหวังเกี่ยวกับการแข่งขันกันผลิตวัคซีนดังกล่าว หากประสบความสําเร็จจะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ได้ ปัจจัยนี้กดดันให้เกิดแรงขายในสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นทองคำ 

 2.การเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน “สูงกว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PPI จะปรับตัวขึ้น 0.3% 

3.ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล(บอนด์ยิลด์)สหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนที่ 0.655% หลังแตะระดับ 0.661% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.โดยพุ่งขึ้นจากระดับตํ่าสุด 0.504% ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว หลังจากมีแรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดีเกินคาด 

4.ดัชนีดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 0.05% และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์เริ่มชะลอตัวลงชัดเจนนับตั้งแต่ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐดีเกินคาด 

5.แรงขายทางเทคนิค(Sell Stop) หลังราคาทองคําร่วงหลุดแนวรับหลายแนว ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาร่วงลงอย่างหนักในคืนวานนี้(11ส.ค.) ต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันนี้(12ส.ค.) จนหลุด 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําลดลง -4.19 ตัน ส่วนแนวโน้มวันนี้้ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต(CPI)ของสหรัฐ