ราคาหุ้น “ซีพีเอฟ” ปรับฐาน รอสัญญาบวกครึ่งปีหลัง
ช่วงก่อนหน้านี้ภาวะราคาเนื้อหมูราคาแพงในรอบ 10 ปี ที่ราคาขายปลีก 150-170 บาทต่อกิโลกรัม จนกลายเป็นประเด็นใหญ่ ระดับชาติไปแล้วนั้นทำให้หุ้นในกลุ่มอาหารสัตว์ราคาปรับตัวขึ้นมาตามไปด้วย
ขณะที่ในช่วงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 หุ้นใหญ่ในกลุ่มอาหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF จะแจ้งรายได้และกำไรในงวดดังกล่าวช่วงวันนี้ (13 ส.ค. ) ซึ่งราคาหุ้นเสมือนจะรับข่าวไปแล้วและมีแรงขายออกมาปิดที่ 32.75 บาท ลดลง 0.76 %
จากความคาดหวังว่าธุรกิจอาหารซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่มที่รอดปลอดภัยจากวิกฤติโควิด-19 ในไทยและต่างประเทศที่รุนแรงในช่วงปลายมี.ค. – พ.ค. ทำให้มีความต้องการอาหารสดเพื่อปรุงรับประทานเองที่บ้าน
รายใหญ่อย่าง CPF มีการลงทุนทั้งในไทย จีน และเวียดนาม ได้ประโยชน์ทั้งเนื้อไก่และเนื้อหมู บวกก่อนหน้านี้มีการขาดแคลนจากโรคระบาดในหมู African Swine Flu ในต่างประเทศ ถึงขั้นจีนประกาศระงับการนำเข้าเนื้อหมูจากเยอรมนี หลังจากพบว่าคนงานกว่า 600 คนได้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงเป็นผลบวกต่อการส่งออก ทำให้ไทยกลายเป็นผู้ผลิตแทนและสามารถส่งออกไปยังตลาดใหญ่ อย่าง จีนที่เป็นผู้บริโภคอันดับต้นๆของโลก มากขึ้น
ตามการคาดการณ์แนวโน้มกำไรในไตรมาส 2 ปี 2563 ของ CPF มีทั้งจาก บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ (ประเทศไทย) ให้กำไรสุทธิ 5,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน 13 % จากการล็อกดาวน์ในประเทศและต่างประเทศ กระทบยอดขายหน้าร้าน
โดยยังมองว่าการเพิ่มขึ้นของยอดขายในเวียดนาม จีนและไทยจากราคาขายเพิ่มขึ้นตามราคาราคาขายเฉลี่ยทั้งหมูและไก่เป็นระดับที่เกินกว่าจุดคุ้มทุนและได้ผลบวกจากบาทอ่อนส่งผลให้ กำไรขั้นต้นยังสูงถึง 17.5% รวมทั้งยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจาก HYLIFE เข้ามาซึ่งได้ผลบวกจากราคาหมูที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้เมื่ออิงกับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี2563 ก่อนหน้านี้ทำสถิติจนนักลงทุนตื่นตาตื่นใจไปช่วงหนึ่ง จากรายได้รวม 138,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิถึง 6,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 43 % ทำระดับนิวไฮของบริษัท
ปัจจจัยสำคัญมาจากการยอดขายในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะในธุรกิจสัตว์เลี้ยง อย่างในเวียดนาม ซึ่งเป็นช่วงที่เผชิญโรคระบาดในหมูทำให้ซัพพรายหายไปจากท้องตลาดจากการต้องจำกัดหมูที่เป็นโรค ส่งผลต่อราคาเนื้อหมูในตลาดขยับตัวสูงขึ้น 70,000 ดอง/กิโลกรัม จาก 46,000 -47,000 ดอง/กิโลกรัม ล่าสุดอยู่ที่ 90 ,000 ดอง /กิโลกรัม
CPF สามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นในไทย สำหรับธุรกิจสัตว์เลี้ยง 15.4 % และธุรกิจสัตว์น้ำ 10.6 % ขณะที่ในต่างประเทศ ธุรกิจสัตว์เลี้ยง 20.4 % และธุรกิจสัตว์น้ำ 17.1 %
ด้วยกำไรที่ปรับตัวขึ้นมาทำสถิติทำให้ด้าน CPF ยังประเมินตัวเองว่าไตรมาส 2 ปี 2563 ไม่ได้เติบโตเท่าหรือมากกว่า เพราะมีช่วงที่ล็อกดาวน์ มี-ค.-เม.ย. ทำให้ยอดขายหน้าร้านหายไป และกลับมีมาความต้องการบริโภคในช่วง พ.ค.
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการในกลุ่มเดียวกันที่ประกาศผลดำเนินงานออกมาแล้ว บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT เป็นผู้เลี้ยงไก่และส่งออก ที่ทำรายได้ 3,321 ล้านบาท ลดลง 23.58 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน และทำกำไร 222.96 ล้านบาท ลดลง 34.81 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน
บริษัทรับว่ามีผลกระทบทางการตลาด ทั้ง ตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ จากการบริโภคภายในประเทศและคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ลดลง ทำให้ผลประกอบการ โดยภาพรวมของกลุ่มบริษัทในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
หากเปรียบเทียบกับ CPF ที่ทำธุรกิจฟาร์มหมู ไก่ และ สัตว์น้ำ ด้วยการลงทุนในต่างประเทศ มีการนำมาแปรรูปเพื่อนำไปขายเป็นอาหารสำเร็จรูปผ่านร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ ทำให้นักลงทุนยังคงมองว่าแม้กำไรจะไม่เติบโตมากกว่าไตรมาสที่ผ่านมาแต่หลังจากคลายล็อกดาวน์ และพฤติกรรมการซื้ออาหารมาปรุงรับประทานเอง จึงทำให้หุ้น CPF จึงมีมุมมองบวกต่อสำหรับโบรกเกอร์