'CP' ยื่นรอบสอง ให้บอร์ดแข่งขันฯเคาะซื้อ 'เทสโก้ โลตัส'

'CP' ยื่นรอบสอง ให้บอร์ดแข่งขันฯเคาะซื้อ 'เทสโก้ โลตัส'

กลุ่มซีพีฯ ยื่นเอกสารขอซื้อเทสโก้ โลตัสรอบสอง เมื่อ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้บอร์ดกขค.แล้ว หากครบถ้วน เดินหน้าพิจารณาตามกรอบเวลา 90 วันได้ทันที ขณะบอร์ดกขค.ผุดอนุกรรมการ 2 ชุด ศึกษาทั้งโครงสร้างตลาดและข้อมูลซีพีก่อนชี้ผลควบรวมฯดิวประวัติศาสตร์

นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า ในฐานะโฆษกคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) กล่าวว่า กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือกลุ่มซีพี จะเข้ายื่นเอกสารขออนุญาตรวมธุรกิจควบรวมกิจการกับบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จํากัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้เครื่องหมายการค้า Tesco Lotus ในประเทศไทย ต่อบอร์ดกขค.แล้วเมื่อ วันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามต้องตรวจสอบเอกสารว่าครบถ้วนพร้อมนำมาพิจารณาหรือไม่ จึงจะเริ่มต้นนับภายใต้กรอบเวลาพิจารณา 90 วัน หรือนับตั้งแต่วันที่ยื่นเอกสารครบ 

สำหรับแนวทางดำเนินการของกขค.ได้แต่งตั้งอนุกรรมการด้านการพิจารณาโครงสร้างตลาดซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเพื่อให้เห็นภาพรวมการตลาดก่อนนำมาประกอบการพิจารณาของบอร์ดกขค.ซึ่งเป็นส่วนข้อมูลที่ทางกขค.เตรียมไว้ และล่าสุดได้แต่งตั้งอนุกรรมการอีกชุดประกอบด้วยผู้เกี่ยวข้องธุรกิจค้าปลีก นักวิชาการ ทำหน้าที่พิจารณาข้อมูลที่บริษัทซีพีฯยื่นมาเพื่อนำเสนอความเห็นต่อบอร์ดกขค.เพื่อให้บอร์ดพิจารณาชี้ขาดว่าจะอนุมัติให้ควบรวมที่ที่ข้อหรือไม่  โดยกลุ่มซีพีสามารถขออุทธรณ์ต่อบอร์ดได้หากไม่พอใจผลการตัดสิน ถือว่าเป็นการสร้างความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย 

“ไม่ว่าผลจะออกมาทางไหนยอมรับว่ามีความกดดันเพราะเป็นดิวการค้าที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งบอร์ดฯต้องทำงานอย่างรอบคอบโปร่งใสและตอบคำถามได้ทั้งหมด ”

159715167012

นายสันติชัย กล่าวว่า ประเด็นประกอบการพิจารณาเรื่องดังกล่าว อาทิ การแข่งขันในตลาดลดลงหรือไม่ กระทบต่อธุรกิจค้าปลีกในต่างจังหวัดและ ร้านค้าทั่วไปในท้องถิ่น หรือไม่ รวมไปถึงผลต่อราคาสินค้าที่อาจมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไม่เป็นธรรม หรือมีผลต่อธุรกิจโดยรวมอย่างไร 

รายงานข่าวแจ้งว่า การควบรวมกิจการป็นการรวมธุรกิจระหว่างกลุ่มซีพีฯและเทสโก้ โลตัสครั้งนี้ อาจก่อให้เกิดการผูกขาดหรือการเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ที่มีอำนาจเหนือตลาดตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มซีพีได้เข้ายื่นเอกสารต้นเดือน มิ.ย.นี้ โดยทางกลุ่มซีพีจะนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการทั้งขนาดธุรกิจ ส่วนแบ่งตลาด ยอดเงินขาย จํานวนทุน จํานวนหุ้น หรือ จํานวนสินทรัพย์ไม่น้อยกว่าจํานวนเท่าใดมูลค่าตลาด โครงสร้าง ผลกระทบต่อตลาดค้าปลีก-ค้าส่ง ผลกระทบต่อผู้บริโภค เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้ตามขั้นตอนหลังจากที่กลุ่มซีพีเข้ายื่นเอกสารแล้ว ทางกขค.มีเวลาพิจารณาภายใน 90 วันนับตั้งแต่มีการยื่นขออนุญาตรวมธุรกิจ หากไม่เสร็จสามารถขยายเวลาการพิจารณาออกไปได้อีก 15 วัน ซึ่งกขค.จะพิจารณาในเบื้องต้นก่อนว่า การเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ในกิจการของเทสโก้-โลตัสดังกล่าว อาจเข้าข่ายมีอำนาจหรืออิทธิพลเหนือตลาดได้ เนื่องจากกลุ่มซีพีมีกิจการโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 1,000 ล้านบาท หากพบว่าการควบรวมนี้ทำให้มีอำนาจเหนือตลาด ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ควบรวมกิจการ

โดยผลการพิจารณาออกได้ 3 ทาง คือ ไม่อนุญาต อนุญาตโดยมีเงื่อนไข และอนุญาตทันที ซึ่งขณะนี้ตนยังไม่สามารถบอกได้เพราะยังไม่เห็นข้อมูล ก่อนหน้านี้ กขค.ได้มีการ

แต่งตั้งคณะทำงานพิเศษติดตามการรวมธุรกิจ กรณีห้างเทสโก้โลตัส ในประเทศไทย อย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษาและจัดเตรียมข้อมูลโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย รวมทั้งศึกษาผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการดังกล่าวเพื่อนำผลศึกษามาประกอบการตัดสินของกขค.

สำหรับข้อกำหนดการรวมธุรกิจ ตามพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า มีข้อกำหนดไว้ชัดเจนใน 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 หากรวมธุรกิจแล้วทำให้เกิดการผูกขาด หรือมีอำนาจเหนือตลาด (ส่วนแบ่งตลาด50% ขึ้นไป และมียอดเงินขายรวม 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป) กรณีนี้จะต้องดำเนินการขออนุญาต และได้รับอนุญาตจาก กขค. ก่อน จึงจะสามารทำการรวมธุรกิจได้

กรณีที่ 2 หากร่วมธุรกิจแล้วทำให้เกิดการลดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญในตลาดใดตลาดหนึ่ง (ส่วนแบ่งตลาดน้อยกว่า 50% และมียอดเงินขายรวม 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป) กรณีนี้ จะต้องแจ้งผลการรวมธุรกิจกับ กขค. ภายในระยะเวลา 7 วัน นับจากวันที่รวมธุรกิจเสร็จสิ้น