ปรับขึ้นในกรอบจำกัด

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ :

คาดดัชนีฯ ปรับขึ้นในกรอบจำกัด แนวต้าน 1333 / 1340 จุด แนวรับ 1310 / 1303 จุด นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอสัญญาณ Buy หรือ Sell Signal (หากผ่าน 1345 จุด หรือร่วงหลุด 1300 จุด) เห็นได้จากการซื้อขาย 2 วันทำการที่ผ่านมา มีวอลุ่มเบาบางและดัชนีฯ แกว่งในกรอบแคบ 1321–1333 จุด

ประเด็นที่มีผลต่อตลาด วันนี้

       1) การทบทวนรายไตรมาส MSCI (ประกาศพรุ่งนี้) คาดไม่มีหุ้นถูกเพิ่มหรือถอดออกจากการคำนวณ แต่น้ำหนักหุ้นไทยอาจลดลงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน (-หุ้นกลุ่มอิงท่องเที่ยว)

       2) ความเสี่ยงต่อการเกิดสงครามการค้าจีนกับสหรัฐฯ รอบใหม่ หลังการทบทวน Phase One Deal ในวันที่ 15 ส.ค. (-เศรษฐกิจโลก และหุ้นบลูชิพของไทย)

       3) รายงานผลกำไรบจ. ไทยส่วนใหญ่ดีกว่าคาด (วานนี้ ASIAN SMPC TASCO QH NETBAY MAKRO กำไรดีกว่าคาด และ MTI SINGER UTP กาไรเติบโตสูง)

ตัวเลขเศรษฐกิจ

วันนี้: Earnings-Softbank / SG-2Q20E GDP ครั้งสุดท้าย คาด -12.6% YoY (Vs 1Q20 -0.7% YoY) / Japan-Eco Watcher Survey Outlook เดือน ก.ค. คาด 48.2 (Vs เดือน มิ.ย. 44) / EU-ZEW Economic Sentiment เดือน ส.ค. คาด 62 (Vs เดือน ก.ค. 59.6) / USA-PPI เดือน ก.ค. คาด +0.3% MoM (Vs เดือน มิ.ย. -0.2%) วันพุธ: Earnings - Tencent / OPEC-รายงานประจาเดือน / UK-2Q20E GDP คาด -20.2% QoQ (Vs 1Q20 -2.2% QoQ) / EU-รายงาน Industrial Production เดือน มิ.ย. คาด +10% MoM (Vs เดือน พ.ค. +12.4%) / USA-Inflation rate เดือน ก.ค. คาด +0.4% MoM (Vs เดือน มิ.ย. +0.6%)

สรุปภาวะตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดลบด้วยวอลุ่มเบาบาง: ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบ 1321-1330 จุด ก่อนมาปิดที่ระดับ 1322.01 จุด -2.39 จุด -0.18% วอลุ่มเบาบาง 3.74 หมื่นล้านบาท กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -0.93% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ -0.9% แต่กลุ่มธุรกิจการเกษตร +1.64% บรรจุภัณฑ์ +1.78% โดยหุ้นบวก >4% NER UTP JMT THANI THCOM RBF LPN AJ BWG DCC AUCT AMANAH YGG ITEL TRUBB ส่วน หุ้นร่วง >4% TWPC TAE JTS CFRESH

+ ตลาดหุ้นโลกปิดบวกต่อเนื่อง: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นเป็นวันที่เจ็ด โดย DJ +1.3% S&P500 +0.27% ยกเว้น Nasdaq ปิดลบเป็นวันที่สอง -0.39% โดยได้แรงหนุนจากข่าวสภาคองเกรสพร้อมเจรจากับพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเป็นวันที่สอง แต่ด้วยวอลุ่มเบาบาง นำโดยกลุ่มพลังงาน DAX +0.1% CAC40 +0.41% FTSE +0.31%

+ น้ำมันดิบและทองคำกลับมาปิดบวก: น้ำมันดิบกลับมาปิดบวก WTI +USD0.72 ปิดที่ USD41.94/บาร์เรล Brent +USD0.59 ปิดที่ USD44.99/บาร์เรล หลังจาก Saudi Aramco เผยว่า อุปสงค์น้ำมันดิบจากเอเชียกำลังฟื้นตัว แม้ว่า COVID-19 ยังคงระบาดทั่วโลก เนื่องจากการคลายข้อจำกัดด้านการเดินทางและการผ่อนคลายให้เปิดธุรกิจมากขึ้น รวมถึงอิรักยืนยันที่จะลดกำลังการผลิตลง 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. เพื่อชดเชยการผลิตเกินโควต้าในเดือน พ.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนทองคำฟื้นตัว USD11.70 ปิดที่ USD2,039.70/ออนซ์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

ประเด็นสำคัญ

- US/China Tensions: ความขัดแย้งจีนกับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น วานนี้จีนตอบโต้การ คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกง 11 ราย รวมถึงผู้บริหารสูงสุดเขตฮ่องกง แครี่ ลัม ด้วยการคว่ำบาตรคืนต่อนักการเมืองสหรัฐฯ รวมถึงนาย Ted Cruz, Marco Rubio วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน

- USA: เกิดเหตุยิงกันนอกทำเนียบขาวเช้านี้ ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขา ต้องนำตัวประธานาธิบดีทรัมป์ ออกจากโพเดียมแถลงข่าวเกี่ยวกับ COVID-19 เป็นเวลาสั้นๆ ก่อนที่พากลับมาแถลงข่าวอีกครั้ง

+ USA: เกมการเมืองยังคงดำเนินต่อไป โดยรมว. คลัง มนูชิน กล่าวว่า ทำเนียบขาวเปิดกว้างต่อการเจรจาครั้งใหม่กับแกนนาพรรคเดโมแครต เกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร็วสุดภายในสัปดาห์นี้ หากพรรคเดโมแครตมีเหตุผล

- MSCI Quarterly Index Review: ประกาศในวันที่ 12 ส.ค. (รู้ผลไนไทยวันที่ 13 ส.ค. เช้า) และมีผลวันที่ 1 ก.ย. เราคาดว่าน้ำหนักหุ้นไทยเทียบตลาดหุ้นโลกอาจลดลง แม้จะไม่มีการปรับหุ้นเข้าหรือถอดออกจากการคำนวณรอบนี้ (-หุ้นกลุ่มอิงท่องเที่ยว)

+ China: รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ค. (CPI) สูงกว่าคาดเล็กน้อยเป็น +2.7% YoY (Vs คาด +2.6% YoY และเดือน มิ.ย. +2.5% YoY) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดรอบ 3 เดือน เนื่องจากหมวดอาหารพุ่งขึ้นสูงสุดรอบ 3 เดือน +13.2% YoY (Vs +11.1%) ขณะที่หมวดที่มิใช่อาหารทรงตัวที่ +0.3% YoY

แนะนำ ขึ้นขาย โดยมีจุดซื้อคืนแนวรับ (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: STA CPF PTG

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: ASIAN CBG NER THANI DCC SMPC TASCO SINGER MTI

Derivatives: ถือสถานะ Short S50U20 ที่เปิดไว้รอทำกำไรตามเป้า (อ่านเพิ่มใน KTZ-D)