รีบาวด์ตามเพื่อนบ้าน

รีบาวด์ตามเพื่อนบ้าน

คาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อ/ขายเพื่อติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในวันที่ 15 ส.ค.เพื่อประเมินความคืบหน้าในการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าในเฟสแรก

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ลดลง 2.39 จุด (-0.18%) ปิดที่ระดับ 1,322 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 3.7 หมื่นล้านบาท ดัชนีผันผวนในกรอบจำกัดเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐ หลังจีนประกาศจะคว่ำบาตรนักการเมืองสหรัฐเพื่อเป็นการตอบโต้ที่สหรัฐคว่ำบาตรนักการเมืองจีนและฮ่องกงจำนวน 11 ราย นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประกอบการ 2Q20 โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่ม ปตท. ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 262 ล้านบาท  และ Net TFEX SET50 +2,083  สัญญา  แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 828 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,330 – 1,335 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตามความคาดหวังรัฐบาลสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1 ล้านล้านดอลล่าร์ได้ภายในสัปดาห์นี้ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นยืนเหนือ 42 US/Barrel อีกครั้ง อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะสลับอ่อนตัวลงจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีนที่ตึงเครียดมากขึ้นหลังจีนประกาศจะคว่ำบาตรนักการเมืองสหรัฐเพื่อตอบโต้ที่สหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของจีนและฮ่องกงจำนวน 11 ราย นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อ/ขายเพื่อติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในวันที่ 15 ส.ค.เพื่อประเมินความคืบหน้าในการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าในเฟสแรก อีกทั้งตลาดหุ้นไทยจะปิดทำการวันพรุ่งนี้ 12 ส.ค. 

วันนี้ (11 ส.ค.) ติดตาม AP ANAN CPALL TU TKN  SPALI GFPT CKP  QH  DOHOME ประกาศงบ 2Q20

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น ( SPRC BGRIM CPF TU STA STGT AP PRM PTL AJ  JMT CHAYO PTG BCH )
  • กลุ่มอิเล็ค ( KCE DELTA HANA SVI ) ได้อานิสงส์ยอดขายอุปกรณ์อิเล็คทรอนิสท์ขยายตัวตามกระแส WFH และอุปกรณ์ 5G และเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง

หุ้นแนะนำวันนี้

  • AP (6.45 /8.5) คาดกำไรสุทธิ 2Q20 เด่นสุดในกลุ่มอสังหาฯ เบื้องต้นคาดมีกำไรสุทธิประมาณ 1,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71%qoq และ 117%yoy จากยอดโอนโครงการที่เพิ่มขึ้นของโครงการ Life ลาดพร้าว และ Life One wireless
  • JMART (ปิด 14 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 15) ราคาหุ้นยังไม่สะท้อน NAV จากเงินลงทุนในบริษัทลูก (JMT SINGER J) ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าเงินลงทุนที่ 1.5 หมื่นล้านบาทมากกว่า Market cap ของ JMART ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท

บทวิเคราะห์วันนี้

IRPC (ปิด 2.54 ขาย/เป้า 2.4), MAJOR (ปิด 14.3 ถือ/เป้า 14.5), MAKRO (ปิด 40.25 ถือ/เป้า 37.25), PLANB (ปิด 5.35 ซื้อ/เป้า 7.8), PTT (ปิด 37.75 ถือ/เป้า 33), QH (ปิด 2.16 ถือ/เป้า 2.2), TOP (ปิด 42.75 ซื้อ/เป้า 48)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์บวกแรง 358 จุด คาดหวังสภาคองเกรสกลับมาบรรลุข้อตกลงเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่: เมื่อคืนดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นอีก 358 จุด (+1.3%) ปิดที่ระดับ 27,791 จุด ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 เนื่องจากนักลงทุนกลับมามีความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของภาครัฐอีกครั้ง หลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐออกมาระบุว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดกว้างต่อการเจรจาครั้งใหม่กับแกนนำพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 พร้อมกับคาดการณ์ว่า รัฐบาลและสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้
  • (+) ราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวเข้าหาระดับ 42$/bbl อีกครั้ง จากข่าวอิรักลดการผลิตน้ำมัน: ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ (+1.8%) ปิดที่ระดับ 41.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1)อิรักประกาศจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันอีก 4 แสนบาร์เรล/วันในเดือน ส.ค.และก.ย.เพื่อชดเชยที่อิรักเกินโควต้าในช่วง 3 เดือนก่อนหน้า และ 2)คาดหวังดีมานด์น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น หลังจากซาอุดี อารามโค คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันในเอเชียจะค่อยๆเพิ่มขึ้น จากที่ประเทศต่างๆ ทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
  • (-) ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐยังไม่จบล่าสุดจีนประกาศคว่ำบาตรนักการเมืองสหรัฐเพื่อเป็นการตอบโต้: สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐยังยืดเยื้อต่อเนื่องล่าสุด กระทรวงต่างประเทศของจีนประกาศว่าทางการจีนจะคว่ำบาตรนักการเมืองสหรัฐ อาทิ นายเท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน และนายมาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน เพื่อตอบโต้ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่และนักการเมืองของจีนและฮ่องกงจำนวน 11 รายซึ่งรวมถึง นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ปัจจัยนี้จะยังเป็นปัจจจัยลบกดดันบรรยากาศการลงทุนต่อไป โดยนักลงทุนส่วนหนึ่งคาดหวังว่าสถานการณ์ความตึงเครียดนี้อาจจะลดลงหากจีนและสหรัฐสามารถหาทางออกร่วมกันได้ในการประชุมร่วมที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 ส.ค.นี้