คาดสหรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสัปดาห์นี้

คาดสหรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสัปดาห์นี้

ตลาดหุ้นวานนี้ปิดลดลง 2.39 จุด โดยแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดช่วงการซื้อขาย คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่

ที่แม้มีปัจจัยบวกหลังสหรัฐเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงกังวลประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,322.01 จุด (-2.39 จุด) Volume 3.7 หมื่นลบ. ต่างชาติ +262.05 ลบ. TFEX Net +2,083 สัญญา ตราสารหนี้ -828 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 357.96 จุด +1.30% จากการที่ทำเนียบขาวแสดงท่าทีพร้อมเจรจากับแกนนำในสภาคองเกรสอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 72 เซนต์ +1.8% ปิดที่ 41.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากผู้บริหารของบริษัทซาอุดี อารามโค คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคเอเชียจะฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับได้แรงหนุนจากข่าวการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของอิรัก

+รมว.คลังสหรัฐคาดรัฐบาลและสภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นศก.เร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้

+สหรัฐเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้น 518,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

+สนง.สถิติจีนเผยดัชนี CPI เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.7% หลังราคาอาหารพุ่ง

-หนี้สาธารณะของไทยสิ้นเดือน มิ.ย. 63 อยู่ที่ 7.44 ล้านล้านบาท  +7%YTD ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นจาก 41% เป็น 44.76% จากการออก พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท มาใช้เยียวยาประชาชน และฟื้นฟูศก.

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิด เพิ่มขึ้น 25.22 จุด +0.75%

+ดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิดบวก 175.57 จุด ตามทิศทางดาวโจนส์ปิดพุ่ง

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.31 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.10 บาท/US

*จับตาการประชุม ครม. ส่วนสหรัฐเผยความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดโลก จากความคาดหวังว่ารัฐบาลสหรัฐและสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ ประกอบกับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,315-1,335 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

PTT รายงานกำไร 2Q63 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามที่ตลาดคาด -53%YoY แต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ QoQ

+ ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีปรับตัวขึ้นเนื่องจากผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันดิบลดลง และราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีฟื้นตัวหลังหลายประเทศคลายมาตรการล็อกดาวน์

+ กำไรจากค่าเงินบาทหลังหักผลขาดทุนจากอนุพันธ์ราว 3.2 พันล้านบาท

- ธุรกิจผลิตและสำรวจปรับตัวลงจากไตรมาสก่อนตามราคาน้ำมันและราคาจำหน่ายก๊าซฯ ที่ลดลง ขณะที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่

- ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ปรับตัวลงจากคามต้องการใช้ก๊าซฯเพื่อผลิตไฟฟ้าที่ลดลงจากการปิดโรงงานผลิตช่วงการระบาดของ COVID-19 

 

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อ PTT เนื่องจากมีธุรกิจก๊าซฯ ที่แข็งแกร่ง และบริษัทในกลุ่มโดยเฉพาะโรงกลั่นและปิโตรเคมีได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว อีกทั้งคาดว่าจะปลอล็อกมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นจากการนำ OR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเติม แนะนำซื้อสะสม

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
  • หุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q20 ดี (WICE CPF SPRC XO)
  • หุ้นที่ผลประกอบการดีกว่าตลาดคาด (TASCO MAKRO RJH MTI SMPC DCC)

หุ้นมีข่าว

TOP (แนะนำ Switch to PTTGC) รายงานกำไร 2Q63 ที่ 2.48 พันล้านบาท +337%YoY และ 118%QoQ และสูงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดที่ 35% โดยได้แรงหนุนจากกำไรจากค่าเงินราว 2 พันล้านบาท ขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นถูกกระทบจากค่าการกลั่นที่ทรงตัวในระดับต่ำจากผลกระทบของ COVID-19 โดยเฉพาะส่วนต่างน้ำมันอากาศยาน  น้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน ที่ลดลง 9% 5% และ 4%QoQ ตามลำดับ ด้านธุรกิจอะโรเมติกส์ทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อนเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์เบนซีนและพาราไซลีนที่ทรงตัวเนื่องจากโรงงานในต่างประเทศหยุดซ่อมบำรุง

ความเห็น แม้ว่ากำไรจะสูงกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ 35% แต่เป็นกำไรจากค่าเงินราว 2 พันล้านบาท ขณะที่ค่าการกลั่นในปัจจุบันยังทรงตัวในระดับต่ำเป็นปัจจัยกดดันต่อผลประกอบการในอนาคตเพิ่มเติม นอกจากนี้การแพร่ระบาดรอบ 2 ของ COVID-19 ในหลายประเทศเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาน้ำมันเพิ่มเติม แนะนำให้ทำกำไร TOP และเข้าซื้อ PTTGC

(+) NER (Bloomberg Consensus 3.07 บาท) การันตีปีนี้ยอดขายโต 25% ดันกำไรสุทธิพุ่ง 4-7% มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังโดดเด่น เหตุเปิดดำเนินการโรงงานใหม่เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 4.6 แสนตันต่อปี พร้อมลั่นปีหน้าทำผลงานนิวไฮทุกไตรมาส ฟากโบรกฯคาดงบไตรมาส 2/63 มีกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% จากไตรมาสแรก แต่ลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) EP (Bloomberg Consensus - บาท)   บอร์ด EP อนุมัติให้บ.ย่อยในฮ่องกง เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในเวียดนาม 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,500 ล้านบาท ขนาดรวม 100 เมกะวัตต์ คาดหนุนรายได้เพิ่มกว่า 740 ล้านบาท/ปี (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) UWC (Bloomberg Consensus - บาท) ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ(IFA) แนะที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น UWC ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ โหวตไฟเขียวให้ขายโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 แห่ง ขนาดรวม 26.9 เมกะวัตต์ ให้กับ ACE ในราคา 851.20 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่อง ชำระหนี้หุ้นกู้ก่อนกำหนด ลดภาระหนี้กว่า 620 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) SEAFCO (Bloomberg Consensus 7.68 บาท) แย้มผลงานครึ่งปีหลังยังดี หลังตุนแบ็กล็อก 2,800 ล้านบาท รอลุ้นผลประมูลงานใหม่ 5,000 ล้านบาท คาดได้งานเพิ่ม 1,500 ล้านบาท ย้ำรายได้รวมปีนี้ 3,300 ล้านบาท โต 10% ส่วนงบ Q2 คาดใกล้เคียง Q1 จ่อประชุมบอร์ดและแจ้งงบวันที่ 14 ส.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TASCO (Bloomberg Consensus 28.23 บาท) แจ้งกำไรพุ่งเกินคาดแตะ 1,719 ล้านบาท นิวไฮรายไตรมาส เพิ่ม 63.3% ผลจากการเร่งเบิกงบปี 2563 ขณะที่ยางมะตอยขาดแคลนดันราคาพุ่ง กลับสำรองสต๊อกหนุนอีก ชี้จีน-อินโดนีเซียพ้นโควิดกลับมาสั่งซื้อเพียบ ขณะนี้โบรกมอง Q3 เด่นต่อเหตุน้ำท่วมทำซ่อมแซมถนนเพียบ เคาะเป้า 32 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

 (+) SUN (Bloomberg Consensus - บาท) เล็งแตกไลน์ลงทุนพลังงานทดแทน หวังนำขยะที่เหลือมาผลิตไฟฟ้า พร้อมศึกษาลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์ เพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้า ส่งซิกยอดขายไตรมาส 3/2563 พุ่งไฮซีซันหนุน รุกขยายตลาดใหม่ ปลื้มยอดส่งออกกลุ่มเอเชียไหลเข้าเพียบ มั่นใจรายได้ทั้งปีโตทะลุเป้า 15%  (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NEX (Bloomberg Consensus - บาท) ทุ่มงบ 285.75 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น AAB จำนวน 45% ต่อยอดธุรกิจรถบัสไฟฟ้า หนุนรายได้เติบโตมากขึ้น และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต พร้อมอนุมัติขายหุ้นบริษัทย่อย SPEN เพื่อลดผลขาดทุนในภาพรวมของบริษัท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ACE (Bloomberg Consensus - บาทโชว์ผลงานกำไรปกติแรงต่อแตะ 354.1 ล้านบาท โต 43% ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง จากประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนวัตถุดิบได้ต่อเนื่อง ครึ่งปีหลังรับรู้กำลังผลิตจาก 3 โรงไฟฟ้าที่ซื้อมาอีก 26.9 เมกะวัตต์ แย้มเดินหน้าเจรจาเทกต่อเนื่อง ด้านนักวิเคราะห์ชอบประสิทธิภาพ ให้เป้าสูง 5.24 บาทต่อหุ้น (ที่มา ทันหุ้น)