เปิดฉากกลุ่มการเมืองใหม่ 'หมอวรงค์' สู้ศึกชังชาติ

เปิดฉากกลุ่มการเมืองใหม่ 'หมอวรงค์' สู้ศึกชังชาติ

“หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” นักการเมืองผู้ปวารณาตัวชักธงรบกับ “พวกชังชาติ” ซึ่งนับวันจะยิ่งร้ายแรงและตอบโต้กันหนักขึ้น

โดย หมอวรงค์ ยอมรับว่า หลังจากลาออกจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย ตนเองก็เตรียมจัดตั้ง “กลุ่มการเมืองใหม่” โดยจะเป็นการรวมตัวของคนหลากหลายวัย อาชีพ และทัศนคติ เชื่อว่าจะสามารถนำพาประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้

“ผมยืนยัน ผมยังเป็นนักการเมือง ผมยืนยันผมจะยังลงรับสมัครเลือกตั้ง แต่ในสถานการณ์การเมืองขณะนี้ อยู่ๆ จะมาทำพรรคการเมืองเลย มันต้องใช้สตางค์ พวกผมไม่มีสตางค์ และความคล่องตัวไม่มี ขั้นต้นเราจึงคิดทำกลุ่มการเมือง”

นี่คือคำยืนยันแนวคิดของ “หมอวรงค์” นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ยังคงยึดมั่นเดินบนเส้นทางสายการเมืองอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะอยากเห็นประเทศชาติเดินไปข้างหน้า

แม้ที่ผ่านมาเขาจะเดินออกจากพรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ถึง 2 พรรค แต่ก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ และมีแนวคิดจัดตั้งกลุ่มการเมืองใหม่ โดยเป็นกลุ่มทางเลือกของคนหลากหลายวัย หลากหลายอาชีพ เพราะเชื่อว่าคนเหล่านี้มีแนวคิดที่สร้างสรรค์ สามารถนำพาประเทศได้ โดยจะเปิดตัวกลุ่มอย่างเป็นทางการปลายเดือนสิงหาคมนี้

 

“ถ้าประชาชาชนมีความรู้สึกว่า เรามีความน่าจะฝากอนาคตไว้ ทำแล้วน่าเชื่อถือ ฝากอนาคตประเทศชาติไว้ได้ ผมเชื่อว่าประชาชนจะเชียร์เรา และวันนั้นเราจะมีมวลชนของเรา เราจะพัฒนาได้ง่ายขึ้น ตอนนี้เราคุยกันมาเป็นเดือนๆ ในทางการเมืองเราเคลื่อนไหวอยู่แล้ว แต่การที่จะประกาศกลุ่มการเมือง มีคนสนใจร่วมกับเราเยอะติดต่อมา ตอนนี้เราสกรีนคน ตอนนี้มีไม่น้อยกว่า 30-40 คน” 

“วิธีคิดเราไม่เหมือนกลุ่มการเมืองอื่น ประเทศประกอบด้วยความหลากหลายอาชีพ หลากหลายอายุ เพื่อเป็นตัวแทน เราไม่เชื่อแนวคิดคนรุ่นใหม่กลุ่มเดียวจะมานำพาประเทศมีตั้งแต่ 20-70 ปี เราจะเปิดให้คนที่สนใจมาร่วมกลุ่ม ไม่จำกัดคน แต่แกนนำจังหวัดต้องตรวจสอบ ตัวบุคคลเราพร้อมหมดแล้ว เรามีการประชุมเรื่อยๆ”

การจัดตั้งกลุ่มการเมือง เป็นความตั้งใจที่ หมอวรงค์ อยากให้เกิดขึ้น พร้อมกับอีกแนวคิดหนึ่งที่ต้องทำไปพร้อมกัน คือการต่อสู้กับพวกชังชาติ จ้องล้มสถาบัน ซึ่งแม้ใครจะมองว่าเป็นงานที่ยาก แต่หมอวรงค์ก็พร้อมลุย

“ถ้าเราตั้งใจคิดดีทำดี ไม่ยากนะ ถ้าจะต่อกรกับพวกชังชาติ ล้มสถาบัน วิธีคิดของอนาคตใหม่ หรือกลุ่มก้าวหน้า ก้าวไกล เป็นวิธีคิดแบบทำลายล้าง สร้างความเกลียดชัง อยู่ร่วมกันไม่ได้ จ้องทำลายล้าง จาบจ้วงสถาบัน ถึงขนาดมีม็อบที่จะล้มล้างสถาบัน อย่างนี้ผมว่าอยู่ไม่ได้ เราต้องเป็นศัตรูกัน เรื่องอย่างนี้ผมยืนชัดเจน ถามว่าสู้กับเขายากไหม ผมไม่เคยมีความคิดเอากำลังคนม็อบไปต่อสู้ เราใช้ความรู้ใช้ความจริง” 

“ผมชอบสัญลักษณ์นี้ครับ ความรู้นำไปสู่ปัญญา ใช้ความรู้กับใช้ความจริงมาต่อสู่กับเขา จะว่ายากก็ยาก จะว่าไม่ยากก็ไม่ยาก บังเอิญเราได้คนของอนาคตใหม่ ที่เคยทำงานกับเขา มาบอกเทคนิคเรา ผมก็ถามว่าทำไมน้องออกมาล่ะ เขาบอกว่าเขารับพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้ เช่น ปล่อยเฟกนิวส์ต่อสถาบัน เขาบอกข้อมูลกับเราว่า เขารับไม่ได้”

หมอวรงค์ เชื่อว่า ปัญหาของประเทศไทยไม่ได้เกิดจากโครงสร้างของระบบ แต่เกิดจากนักการเมืองที่ไม่ดี และพวกโกงกิน ฉะนั้นหากเราได้นักการเมืองที่ดี ประเทศก็จะดีตามไปด้วย

“เราเชื่อว่าปัญหาของประเทศ ไม่ได้เกิดจากโครงสร้างของระบบ แต่ปัญหาของประเทศเกิดจากนักการเมือง ถ้าเราเลือกตั้งได้นักการเมืองที่ดีมีคุณภาพ ประเทศจะดี กฎหมายฉบับไหนไม่ดีก็แก้ไขได้ ใช้กติกาแก้ นายกฯ บิ๊กอะไรก็ตาม แต่อุดมการณ์ต้องตรงกัน เราเชื่อในสถาบันพระมหากษัตริย์ อุดมการณ์ต้องตรงกัน”

ภารกิจของหมอวรงค์ จากมือปราบจำนำข้าว สู่การเป็นหัวขบวนต่อต้านพวกชังชาติ ยังอยู่บนเส้นทางอีกยาวไกล โดยมีความอยู่รอดของชาติบ้านเมืองเป็นจุดหมายปลายทาง