ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น

ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น

แรงขาย Sell on fact หลังประกาศงบ 2Q20 จะกดดันให้ดัชนีผันผวนสูง

ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

SET Index ลดลง 8.82 จุด (-0.66%) ปิดที่ระดับ 1,324 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4.4 หมื่นล้านบาท ดัชนีปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศจากความขัดแย้งจีนสหรัฐปะทุขึ้นอีกครั้งหลังสหรัฐเสนอให้เพิกถอนบริษัทจีนออกจากตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ปฏิบัติตามกฏระเบียบของสหรัฐภายในปี 2565 และยังมีข่าวกดดันจากทรัมป์สั่งแบนบริษัทไบต์แดนซ์ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพิเคชัน TikTok และ แอป WeChat โดยให้มีผลภายใน 45 วัน ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,036 ล้านบาท  และ Net TFEX SET50 +19  สัญญา  แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 267 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,315 – 1,335 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี ได้แก่ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. ดีกว่าคาดโดยเพิ่มขึ้น 1.763 ล้านตำแหน่ง อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 10.2% ประกอบกับความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐวงเงิน 1 ล้านล้านดอลล่าร์ ที่คาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงในเร็วๆนี้  อย่างไรก็ตามประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-จีนรอบใหม่หลังสหรัฐสั่งแบนแอปพลิเคชัน Tik tok และ Wechat ของจีน รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจากความกังวล Demand ที่อ่อนตัวลงหลังผู้ติดเชื้อ Covid-19 ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้แรงขาย Sell on fact หลังประกาศงบ 2Q20 จะกดดันให้ดัชนีผันผวนสูง

วันนี้ (10 ส.ค.) ติดตาม TASCO ASIAN JMT BANPU IRPC TOP และ PTT ประกาศงบ 2Q20

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  ( TOP SPRC BGRIM CPF TU ASIAN TASCO STA STGT AP PRM PTL AJ  TQM JMT CHAYO PTG BCH )
  • กลุ่มอิเล็ค ( KCE DELTA HANA SVI ) ได้อานิสงส์ยอดขายอุปกรณ์อิเล็คทรอนิสท์ขยายตัวตามกระแส WFH และอุปกรณ์ 5G และเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BCH (IAA Consensus คาดงบ 2Q20 จะออกมาดีสวนทาง BH และ BDMS เนื่องจากมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติน้อยและส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประกันสังคมเสมือนเป็น Recurring Income นอกจากนี้ในช่วง Covid-19 ระบาด BCH ยังมีรายได้จากการบริการตรวจหาเชื้อ Covid-19 มาชดเชยทำให้รายได้และกำไรไม่ได้ดูแย่เหมือนที่กังวล
  • TASCO (ปิด 28.5 ซื้อ/เป้าสูงสุด IAA Consensus 32) เก็งกำไรงบ 2Q20 (ประกาศวันนี้) คาดพลิกมีกำไร 1,400-1,500 ล้านบาทเทียบกับขาดทุนสุทธิ 784 ล้านบาทใน 1Q20 ส่วน 2H20 คาดดีต่อจากดีมานด์ยางมะตอยในจีนเพิ่มขึ้นหลังจีนเกิดน้ำท่วมหนักส่งผลให้รัฐเร่งซ่อมแซมถนนหนทาง (TASCO ส่งออกยางมะตอยไปจีนคิดเป็น 40% ของยอดส่งออกทั้งหมด)

บทวิเคราะห์วันนี้

ADVANC (ปิด 189.5 ซื้อ/เป้า 230), INTUCH (ปิด 56.75 ซื้อ/เป้า 74), PTTGC (ปิด 49.5 ซื้อ/เป้าใหม่ 50), RS (ปิด 18.1 ถือ/เป้า 17 เดิม 15.5)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • -) ความเสี่ยงจากภายนอกโดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐจะยังกดดันดัชนี: ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐดูเหมือนจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่สหรัฐเดินหน้ากดดันจีนอย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐเสนอให้เพิกถอนบริษัทจีนออกจากตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ปฏิบัติตามกฏระเบียบของสหรัฐภายในปี 2565 ขณะที่ ทรัมป์ สั่งแบนแอป TikTok และ WeChat โดยให้มีผลภายใน 45 วัน นอกจากนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ สหรัฐยังประกาศคว่ำบาตร นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง รวมถึงเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกงอีก 11 รายเพื่อคว่ำบาตรที่จีนออกกฏหมายความมั่นคงในฮ่องกง ซึ่งการเพิ่มแรงกดดันดังกล่าวอาจผลักดันให้จีนประกาศมาตรการตอบโต้ออกมาในสัปดาห์นี้กลายเป็น Sentiment ลบกดดันบรรยากาศการลงทุนโดยรวม
  • (+/-) ทรัมป์ ใช้อำนาจประธานาธิบดี สั่งให้ขยายเวลาสำหรับการใช้มาตรการเยียวยาผลกระทบจากไวรัส Covid-19: เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดนัล ทรัมป์ ใช้อำนาจประธานาธิบดีออกคำสั่งให้ขยายเวลาสำหรับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการเยียวยาผลกระทบจากไวรัส Covid-19 ออกไปอีกจนถึงสิ้นปีนี้ หลังจากที่สภาคองเกรสประสบความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกเพื่อออกมาตรการดังกล่าวเนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครตยังมีความเห็นขัดแย้งกันโดยเฉพาะการจ่ายเงินช่วยเหลือคนว่างงาน อย่างไรก็ตามคำสั่งของทรัมป์อาจไม่ชอบด้วยกฏหมายเนื่องจากอำนาจการอนุมัติเงินทุนสำหรับกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐส่วนใหญ่จะเป็นอำนาจของสภาคองเกรส
  • (-) โค้งสุดท้ายของการประกาศงบ 2Q20 ยังต้องระวังแรงขาย Sell on fact และ ขายปรับพอร์ต: สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการประกาศงบ 2Q20 การลงทุนยังต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากปกติจะมีแรงขาย Sell on fact และ มีแรงขายปรับพอร์ต หลังจากที่บริษัทจดทะเบียนประกาศงบออกมาครบทั้งหมด (กำหนดส่งงบวันสุดท้าย 14 ส.ค.ข้อมูลแจ้งตลาดอาจจะสิ้นสุดในเช้าวันที่ 17 ส.ค.) หุ้นที่ต้องระมัดระวังคือกลุ่มหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่ราคาปรับขึ้นร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมาอาจจะถูกกดดันมากขึ้นจากแรงขาย Take profit และ Sell on fact รวมไปถึงมีแรงขายปรับพอร์ตหากผลประกอบการออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดกันไว้ ขณะเดียวกันหุ้นที่ผลกำไรคาดดว่าจะอ่อนแออยู่แล้วเช่นกลุ่มท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม สปา สายการบิน และธุรกิจสนามบิน คาดราคาจะยังถูกกดดันต่อ จนกว่าจะเห็นความชัดเจนจากการพัฒนาวัคซีน หรือการลดลงจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 และเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ