ตลท.ลุ้นมาร์เก็ตแคปไอพีโอปีนี้แตะ5แสนล้าน เหตุบริษัทใหญ่จ่อระดมทุนอื้อ

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าคาดว่าปีนี้มีโอกาสที่จะเห็นมูลค่ามาร์เก็ตแคปของหุ้นไอพีโอ (มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ) พุ่งแตะระดับ 5 แสนล้านบาทได้ เนื่องจากหากมีบริษัทขนาดใหญ่หลายบริษัท อาทิ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ที่อยู่ระหว่างขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเข้ามาระดมทุนในปีนี้ได้ทัน อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถระบุรายละเอียดที่แน่ชัดได้ว่าแต่ละบริษัทจะเข้ามาช่วงไหนบ้าง

ทั้งนี้นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (7 ส.ค.) มีบริษัทเข้ามาเสนอขายหลักทรัพย์ใหม่แล้วจำนวน 5 บริษัท ซึ่งคิดเป็นมูลค่ามาร์เก็ตแคป ณ ราคาไอพีโอรวมกว่า 303,992 ล้านบาท และมีมูลค่าระดมทุนประมาณ 71,334 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีบริษัทที่อยู่ในกระบวนการได้รับอนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วประมาณ 10 กว่าบริษัท

“ก็มีโอกาสที่มาร์เก็ตแคปหุ้นอีพีโอปีนี้จะขึ้นไปแตะระดับ 5 ล้านบาทได้ เพราะยังมีบริษัทขนาดใหญ่หลายบริษัทที่ยังอยู่ในไปร์ไลน์ที่อยู่ระหว่างเตรียมการเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งล่าสุดมีบริษัทที่ได้รับอนุญาตแล้วจำนวน 10 กว่าราย แต่ในส่วนของแต่ละบริษัทจะเข้ามาระดมทุนตอนไหนนั้นเรื่องนี้ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของแต่ละบริษัท”

ขณะที่ผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่าหากปีนี้มูลค่ามาร์เก็ตแคปของหุ้นไอพีโอขึ้นไปแตะระดับ 5 แสนล้านบาท จะถือว่าแซงหน้าปีก่อนที่ทำได้ 383,749 ล้านบาท และเป็นระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจากข้อมูลย้อนหลังในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา (นับตั้งแต่ปี 2546-2562) มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปของหุ้นไอพีโอที่เคยทำจุดสูงสุดคือปี 2560 ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 426,349 ล้านบาท จากจำนวนบริษัทที่ระดมทุนจำนวน 42 บริษัท

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่ายอมรับว่ามูลค่ามาร์เก็ตแคปของหุ้นไอพีโออาจสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ทำได้ประมาณ 2.5-3 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่าได้ทำเกินกว่าค่าเฉลี่ยไปแล้ว เพราะปีนี้มีดีลไอพีโอขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดแล้ว 1 บริษัท ขณะที่ในส่วนของแง่จำนวนบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนมีเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 30-40 บริษัทต่อปี

ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีหุ้นไอพีโอไซด์ขนาดใหญ่จะยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละบริษัทก็อาจต้องดูจังหวะการเข้ามาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีการเข้ามาอย่างต่อเนื่องและมีความหลากหลายของอุตสาหกรรมที่ต้องการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ด้านแหล่งข่าว เปิดเผยว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯของบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP นั้น คาดว่าตอนนี้อยู่ในกระบวนการของการยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งในเรื่องการกำหนดวันซื้อขายหลักทรัพย์ฯนั้นก็ขึ้นอยู่กับบริษัทและความเหมาะสมของภาวะตลาดด้วย ทั้งนี้มองว่า SCGP ถือเป็นหุ้นที่น่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะภาพรวมธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่ดีอยู่แล้วและยังได้ผลเชิงบวกจากโควิด-19 ที่ทำให้พวกธุรกิจอีคอมเมอร์และออนไลน์มีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์จำนวนมากและยังเป็นบริษัทในเครือเอสซีจีอีกด้วย