วางแผนเกษียณผ่าน RMF

วางแผนเกษียณผ่าน RMF

แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยมีความผันผวน แต่การเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในอนาคตเมื่อ “เกษียณอายุ” นับว่าเป็นเรื่องที่คนไทยยังไม่ลืมและเห็นความสำคัญกับการลงทุนประเภทนี้มากขึ้น

 สะท้อนจากเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ยังเป็นบวกต่อเนื่อง

หนึ่งในกองทุน RMF ที่ยังมีเงินไหลเข้าสวนกระแสกับตลาดกองทุนรวมเป็นเงินไหลออก คือ กองทุนบัวหลวงทศพลเพื่อการเลี้ยงชีพ (B- TOPTENRMF) ที่มีความน่าสนใจด้วยจุดเด่นกองทุนนี้ คือ นโยบายการลงทุนของ “กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล” ที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 24 ปี และมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เมื่อเทียบกับกองทุนอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมกองทุนรวม ซึ่งจะเลือกลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 10 บริษัท ที่มีพื้นฐานดี มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน และยังมีกลยุทธ์การลงทุนมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ที่ต้องอาศัยความสามารถของผู้จัดการกองทุนเป็นหลัก

นโยบายการลงทุนของกองทุนนี้จะลงทุนใน “หุ้น” เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ตามที่ ก.ล.ต. กำหนดหรือให้ความเห็นชอบ และไม่ลงทุนใน Derivatives และ Structure Note รวมถึงไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลด้วย

ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 2563 สัดส่วนการลงทุนของกองทุน B- TOPTENRMF ลงทุนในตราสารทุนกลุ่มอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง 18.64% พลังงานและสาธารณูปโภค 17.11% ขนส่งและโลจิสติกส์ 12.77% พาณิชย์ 9.48% การแพทย์ 9.25 % ขณะที่มีสัดส่วนสินทรัพย์ลงทุนสูงสุด 5 อันแรก ได้แก่ 1. บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) 9.56% 2. บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) 9.48% 3. บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) 9.25% 4. บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) 9.15% และ 5. บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (TOA) 9.08%

สำหรับตอบแทนกองทุน B- TOPTENRMF ณ 30 มิ.ย. 2563 (YTD) เฉลี่ยที่ -12.60%, ช่วง 3 เดือนย้อนหลังเฉลี่ยที่ 15.28%, ช่วง 6 เดือนย้อนหลังเฉลี่ยที่ -12.60%, ช่วง 1 ปีย้อนหลังเฉลี่ยที่ -19.56% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเฉลี่ยที่ -9.61% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์ (SET TRI)

ความเสี่ยงที่สำคัญของกองทุน B-TOPTENRMF คือ การคัดเลือกลงทุนหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงบริษัทจำนวนไม่มาก จึงมีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นกองทุนนี้จึงไม่เหมาะกับนักลงทุนที่มีความจําเป็นต้องใช้เงินลงทุนส่วนนี้ก่อนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องการรักษาเงินต้นให้อยู่ครบถ้วนหรือมีผลตอบแทนในจำนวนเงินที่แน่นอน ทั้งนี้ ความผันผวนของผลการดําเนินงาน (standard deviation) ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนคือ 19.03% ต่อปี

ทั้งนี้ กองทุน B-TOPTENRMF มุ่งเน้นการลงทุนระยะกลางถึงยาว สอดคล้องกับการลงทุนที่เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุ เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวและเติบโตได้ในอนาคต กองทุน B- TOPTENRMF ก็มีแนวโน้มจะสร้างผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน

สำหรับค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุน B- TOPTENRMF แบ่งเป็นค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด 1.9% ต่อปี และค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุนไม่เกิน 1% ต่อปี ปัจจุบันมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุน อยู่ที่ 8.1334 บาทต่อหน่วย มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3,341.76 ล้านบาท (ณ 6 ส.ค. 2563 ) โดยนโยบายของกองทุนจะไม่จ่ายเงินปันผล ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนจะถูกสะสมไว้ใน NAV

เมื่อกองทุน RMF เป็นสิ่งที่นักลงทุนบางคนจำเป็นต้องซื้ออยู่แล้วเพื่อการบรรลุเป้าหมายเกษียณ ก็ไม่ควรปล่อยโอกาสใช้เครื่องมือนี้แค่เฉพาะการลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว เพราะการเลือกซื้อกองทุน RMF อย่างชาญฉลาด ศึกษาและวางแผนเลือกกองทุนก่อนซื้อทุกครั้ง มีส่วนช่วยลดโอกาสในการขาดทุนและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับการลงทุน ซึ่งในการลงทุนระยะยาวเช่นนี้การซื้อกองทุนได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำในจังหวะนี้นับเป็นความได้เปรียบอย่างมาก