'จตุพร' ย้ำ! นักศึกษายึด 3 ข้อเรียกร้อง มุ่งแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เป็นด่านแรก

'จตุพร' ย้ำ! นักศึกษายึด 3 ข้อเรียกร้อง มุ่งแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เป็นด่านแรก

"จตุพร พรหมพันธุ์" ย้ำ นักศึกษายึด 3 ข้อเรียกร้อง มุ่งแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เป็นด่านแรกในสมัยประชุมนี้ หวั่นสถานการณ์ไปเกิดกว่าจะรอสมัยประชุมหน้า เเนะแต่ละฝ่ายให้ฉุกคิดเอาผลสำเร็จเป็นที่ตั้ง

สถานีโทรทัศน์พีซทีวี มีการจัดรายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ ยังคงจัดในรูปแบบสตูดิโอและงดกิจกรรมร้องรำทำเพลง มีเพียงการสื่อสารของประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ไปยังพี่น้องมวลชนเป็นปกติทุกสัปดาห์

จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า วันนี้จะสนทนาในหัวข้อ เกมวัดใจ ซึ่งสถานการณ์การเมืองในขณะนี้กำลังเข้มข้น และอุณหภูมิจะร้อนขึ้นตามลำดับ ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ ประวัติศาสตร์สอนไว้ว่ามีรอยเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ หลายเรื่องในอดีตหากมีการตกลงใจและปฏิบัติการทำกันทันที หนักนิดเบาหน่อยบรรยากาศก็สามารถเดินต่อไปได้

แต่บางเหตุการณ์เพียงแค่ถ้อยคำ ไม่กี่พยางค์ และท้ายที่สุดนำพาไปสู่การล้มกระดานจนนำไปสู่การฉีกรัฐธรรมนูญด้วยการทำรัฐประหาร / และในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นตนฟังนายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันว่าสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อไปฟังนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่บอกว่าการพิจารณาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญต้องเป็นสมัยประชุมหน้าคือ เดือนพฤศจิกายน

คำถามคือ วันนี้ วันที่ 9 สิงหาคม และจะปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในเดือนกันยายนนี้ และต้องผ่านเดือนตุลาคมกว่าจะถึงเดือนพฤศจิกายน ดังนั้นสถานการณ์การเมืองไม่ได้รอนายไพบูลย์ได้ถึงขนาดนั้น เมื่อตกลงใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ต้องเสียเวลาเพราะจะทำให้พังกันทั้งกระดาน /

วันนี้เมื่อหัวแถว คือนายกรัฐมนตรีประกาศว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมติของคณะกรรมาธิการศึกษาปัญหาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญและ ตามนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา ดังนั้นไม่มีเหตุผลใดที่จะลากให้สถานการณ์ยิ่งหนักขึ้น

ส่วน 3 ข้อเรียกร้องหลักของบรรดาคนหนุ่มสาวคือ แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องแก้มาตรา 256 เป็นด่านแรก เพราะหากไม่แก้มาตรานี้ก็ไม่สามารถร่างใหม่ได้และต้องผูกพันว่าหลังจากนั้นต้องยุบสภา และเลิกคุกคามประชาชน

ดังนั้นหากการตัดสินใจเป็นไปอย่างล่าช้า บวกกับความทุกข์ยากของราษฎรในเรื่องเศรษฐกิจปากท้องนั้นตนเชื่อว่าจะมีวิกฤติความรุนแรงเกิดขึ้นก่อน / และการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นควรจะเริ่มต้นด้วยมาตราเดียวเพื่อเปิดประตูให้ได้ก่อน ส่วนที่เหลือเรื่องบทเฉพาะกาล หรือมาตราอื่นใด หรือที่ตนบอกว่าให้เว้นหมวด 1 และ 2 เอาไว้ และที่เหลือก็จะได้เดินสายรับฟังเสียงประชาชน หลังจากได้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง

แต่หาก จะแก้ไขเป็นรายมาตรา หรือทั้งฉบับ มาพร้อมๆกัน ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายหนักที่สุด และการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้ไม่ใช่จะแก้กันง่ายๆ ต้องใช้ศิลปะของแต่ละฝ่าย ซึ่งต้องอดทนเช่นเดียวกันว่า มาตราต่างๆที่จะแก้ไข ควรจะร่วมนำเสนอหลังจากได้ ส.ส.ร.แล้ว ทั้งนี้ตนเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นผลมาจากการแก้ไขมาตรา 211 ใน รัฐธรรมนูญปี 2534 เราจึงได้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดของประเทศไทย รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 หมดวาระ 1 และ 2 มีคนไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ จึงไม่กล้าโหวตวาระ 3 ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย มาครั้งนี้มาตรา 256 เป็นด่านแรก ดังนั้นหากไม่ยืนยันตัดสินใจ อย่างแข็งแรงแล้ว เราจะไม่ได้แม้แต่มาตราเดียว

วันนี้หากเราคิดหาทางออกของประเทศไทย โครงสร้างใหญ่คือรัฐธรรมนูญ ก็ต้องมุ่งมั่นปักหลักอย่างชัดเจน ดังนั้นตนหวังว่า แต่ละฝ่ายจะได้ฉุกคิด เอาผลสำเร็จเป็นที่ตั้ง ส่วนสถานกาณ์ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า การกระทบกระทั่งจะต้องมีกันตามลำดับ อยู่ที่ฝ่ายใดจะมีความอดทนกันได้มากกว่ากัน แต่อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ทั้ง2 ฝ่ายเดินเลยธงกันทั้งคู่ปลายทางก็หนีไม่พ้น 6 ตุลาคม 2519


จตุพร ระบุด้วยว่า ที่ตนบอกว่า เกมวัดใจ คือ การเล่นเกมยื้อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นต้องประกาศให้ชัดเลยว่า แก้ไขรัฐธรามนูญมาตรา 256 ต้องแก้ไขในสมัยประชุมนี้ ผ่าน 3 วาระเสร็จก็ปิดประชุม เพราะกระบวนการหลังจากนั้นจะไม่ใช้กระบวนการของสภาแล้ว

แต่จะเป็นเรื่องของการไปจัดการตั้งส.ส.ร.ขึ้น แต่หากไปเริ่มนับหนึ่งกันในเดือน พฤศจิกายนนั้นไม่ใช่การนับหนึ่งของประเทศไทย แต่จะเป็นการนับหายนะของประเทศไทย เพราะสถานการณ์การชุมนุมที่จะยกระดับในวันที่ 16 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป จะมีคนจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

ดังนั้นเมื่อต่างฝ่ายต่างก็เห็นกันแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น และทันทีที่ออกหมายจับแกนนำและดำเนินการจับกุม ขอให้จำปากตนไว้ว่าหลังจากวันที่ 16 สิงหาคมนี้ไป ก็จะมีการทำพื้นที่ให้เกิดการชุมนุมและต่อสู้เดิมพันพุ่งเป้าสู่ชัยชนะ เพราะถึงตอนนั้นจะรู้กันเลยว่า หากแพ้จะนำไปสู่อะไร ชนะนำไปสู่อะไร ดังนั้นต้องคิด ณ วันนี้และวันต่อๆไป อย่าคิดว่ามีแสงสว่างในวันนี้ แล้วจะไม่มืดในวันข้างหน้า