จับ 'แกนนำ' ปลุกปั่น แผน 'แยกปลาออกจากน้ำ'

จับ 'แกนนำ' ปลุกปั่น แผน 'แยกปลาออกจากน้ำ'

คงไม่มีม็อบใดจะทรงพลัง และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้เท่ากับ “ม็อบวิญญูชน” เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ และยึดมั่นในความเชื่อ ดังเคยปรากฏในอดีต

 จากจุดเริ่มต้นของ “นิสิต-นักศึกษา” ก่อนจะลามไปสู่เหตุการณ์ “14 ตุลา” โค่นล้ม “จอมพลถนอม กิตติขจร” ยุติการสืบทอดอำนาจรัฐบาลทหาร ที่ปกครองประเทศเกือบ 10 ปี

หนังม้วนเก่ากำลังถูกหยิบมา “รีรัน”ใหม่ โดยกลุ่ม “นักเรียน -นิสิต-นักศึกษา” ที่เรียกตนเองว่า เยาวชนปลดแอก” อาศัยเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเป็นเครื่องมือในการระดมพล  ทั้ง “โลกออนไลน์-ออฟไลน์” ชุมนุมต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่รัฐบาล คสช. มาจนถึงรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ที่เข้ามาบริหารประเทศย่างเข้าสู่ปีที่ 7

เยาวชนปลดแอกเริ่มขยายตัวในสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถนนราชดำเนิน ที่จะกลายเป็นแหล่งปักหลักชุมนุมขนาดใหญ่ของเหล่า นักเรียน-นิสิต-นักศึกษาในอนาคต  เพียงแค่รอให้สถานการณ์สุกงอมเต็มที่

การเคลื่อนไหวของ “เยาวชนปลดแอก” เป็นลักษณะผลัดเปลี่ยนกันชุมนุมในแต่ละพื้นที่ แต่ละสถาบันการศึกษา หวังผลิตเซลล์อิสระ และระดมทรัพยากร โดยมีเป้าหมายเดียวกัน “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และแก้ไขรัฐธรรมนูญ

 

สถานการณ์จะแรงหรือไม่ ประเมินไว้ที่ 50 ต่อ 50 ตัวเลขที่ยังชี้วัดอะไรไม่ได้ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจเปิดเวทีรับฟังความเห็นของ “นักเรียน-นิสิต-นักศึกษา” ทุกพื้นที่ 

โดยมอบหมายสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นแม่งานหลัก ก่อนจัดทำเป็นข้อสรุปเพื่อพิจารณา

การเปิดเวทีรับฟัง ก็เพื่อดันการชุมนุมบนถนนเข้ามาอยู่ในระบบ นอกจากลดดีกรีความคุกรุ่นของเยาวชนปลดแอกให้เบาบางลงแล้ว ยังหวังใช้แผน แยกปลาออกจากน้ำกัน นักเรียน-นิสิต-นักศึกษา” จากแกนนำที่หวังปลุกปั่นการชุมนุมให้เกิดความไม่สงบ รวมถึงการอาศัยเวทีดังกล่าวเป็นเครื่องมือปราศรัยโจมตีสถาบัน

จึงไม่ใช่เพียง “อานนท์ อำภา” ทนายสิทธิมนุษยชนเท่านั้นที่ถูกดำเนินคดี แต่ยังหมายรวมถึง “แกนนำม็อบ” คนอื่นๆ ที่มีหมายจับเก่า ทั้ง คดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.จราจร พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ความผิดมาตรา 116 และ ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ตามคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้กำชับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในขณะที่สภาพัฒน์ฯ อยู่ระหว่างเตรียมการจัดรูปแบบเปิดเวทีย่อย จัดบุคลากร เพื่อรับฟังความคิดเห็น รวมถึงเลือกสถานที่

เบื้องต้นเล็งใช้พื้นที่ในสถาบันศึกษาของแต่ละจังหวัด เมื่อได้ข้อมูลแล้ว จะเปิดเวทีใหญ่ในพื้นที่ กทม. โดยให้ นักเรียน-นิสิต-นักศึกษาส่งตัวแทนของแต่ละจังหวัดเข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายกรัฐมนตรี

วิธีจัดการ กลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” ที่เป็น “นักเรียน-นิสิต-นักศึกษา” ตั้งอยู่บนทางสองแพร่ง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องระวัง เพราะหากทำแรงเกินไป ก็ไม่ส่งผลดี หรือปล่อยไปก็เกรงจะบานปลาย 

จึงต้องรอดูว่าการกวาดจับ “แกนนำม็อบ” และแนวร่วมปลุกม็อบ จะมี “เอฟเฟค” ตามมาอย่างไร