บช.น. แจงจับ 2 แกนนำม็อบ เป็นไปตามกฎหมาย

บช.น. แจงจับ 2 แกนนำม็อบ เป็นไปตามกฎหมาย

บช.น. แจงจับ 2 แกนนำม็อบ “ทนายอานนท์” - “ภานุพงศ์” เป็นไปตามกฎหมาย

กรณีตำรวจสำราญราษฎร์ จับ 2 แกนนำม็อบ “ทนายอานนท์” - “ภานุพงศ์” โดยมี พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าสอบปากคำด้วยตนเอง ทั้งนี้ทางทนายอานนท์หลังถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ถูกนำตัวไปฝากขังที่สน.บางเขน

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)​ ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ระบุว่า ด้วยเมื่อวันที่ 18 ก.ค.63 กลุ่มแกนนำกิจกรรมได้ดำเนินการจัดกิจกรรมร่วมกับกลุ่มบุคคลเพื่อเรียกร้องในประเด็นต่าง ๆ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญา จึงได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่สน.สำราญราษฎร์ ทาง บช.น. จึงตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปตามกรอบกฎหมาย ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ จากการรวบรวมพยานหลักฐานและการพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานตามสมควรว่ากลุ่มแกนนำจากกิจกรรมดังกล่าวได้กระทำความผิดอาญาและเป็นกรณีที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับได้

และในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวแกนนำจัดกิจกรรม จำนวน 2 ราย คือ นายภาณุพงศ์ จาดนอก และนายอานนท์ นำภา แกนนำจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.63 โดยเป็นการจับกุมตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 6 ส.ค.63 ในข้อหา ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนฯ, ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ , ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคฯ, ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจรฯ, ร่วมกันวาง ตั้ง ยื่นหรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรฯ, ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนถนนฯ, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ

ทั้งนี้ บช.น. ขอเรียนให้ทราบว่า การดำเนินคดีและการจับกุมแกนนำจัดกิจกรรมทั้ง 2 รายดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายของผู้ถูกจับกุม ได้ให้แพทย์ตรวจร่างกายก่อนทำการสอบสวน พนักงานสอบสวนได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายแล้ว