กังวลความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน

กังวลความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน

ดัชนีวานนี้เผชิญแรงขายช่วงท้ายตลาด โดยยังขาดปัจจัยใหม่หนุน

ประกอบกับนักลงทุนยังคงติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,333.22 จุด (-4.13 จุด) Volume 5.5 หมื่นลบ. ต่างชาติ +608 ลบ. TFEX Net +11,587 สัญญา ตราสารหนี้ -4,970 ลบ.

 

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 185.46 จุด +0.68% ขานรับความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นศก.รอบใหม่ของสหรัฐ และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐต่ำกว่าคาด

+ เงินเฟ้อก.ค.ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ดัชนี CPI ก.ค. หดตัว -0.98% ส่วน Core CPI ขยายตัว 0.39% (YoY)

+ BOI เปิดเผย 6M63 ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุน เพิ่ม 7% แต่มูลค่าลด 17% สวนกระแสโควิดเศรษฐกิจซบเซา อุตฯ แพทย์มาแรง โต 174% ด้านการลงทุนจากต่างประเทศยังพุ่ง

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 24 เซนต์ -0.6% ปิดที่ 41.95 ดอลลาร์/บาร์เรล กังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้ศก.และความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง

-ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก 19 ล้านราย ยอดผู้เสียชีวิต 7.1 แสนราย อันดับ 1 สหรัฐ รองลงมา บราซิล ในเอเชียฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อสะสม 119,460 ราย แซงหน้าอินโดนีเซียแล้ว

*จับตาม. หอการค้าไทยแถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส่วนสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย.

 

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดภูมิภาค จากความวิตกกังวลความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน หลังสหรัฐจ่อเพิกถอนบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้น หากไม่ทำตามมาตรฐานตรวจสอบบัญชีภายในเดือนม.ค. 2565 คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,320-1,340 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

HMPRO | Analyst Meeting | Bloomberg Consensus 15.86 บาท มุมมองบวกอ่อนๆ

Key Meassage:

(-) ผลประกอบการงวด 2Q63 เท่ากับ 943 ลบ. -38.3%YoY เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ทำให้มีการปิดสาขาไปกว่า 45 วัน และ SSSG หดตัวราว -17% ส่งผลให้ 1H63 บริษัทมีกำไรเท่ากับ 2,209 ลบ. -25%YoY อย่างไรก็ดี เราคาดว่าไตรมาส 2 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้

(-) ผบห.ยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังจาก กกร.ปรับเป้า GDP ทั้งปี 63 หดตัวลดลงมากกว่าเดิม

(+) เรามีมุมมองบวกอ่อนๆ สำหรับแนวโน้ม 2H63 คาดโตดีกว่า 1H63 ราว 35%HoH (จากฐานต่ำ)โดยเริ่มเห็นสัญญานฟื้นตัว หลังจาก SSSG เดือน ก.ค. กลับมาเป็นบวกราว 2-3% ประกอบกับ บริษัทมีแผนขยายสาขา HMPRO อีก 2 สาขา ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ ขณะที่ %GPM คาดว่าจะทำได้ดีกว่างวด 1H63 จากการเพิ่มการขายสินค้า Private Brand

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
  • หุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q20 ดี (WICE TASCO CPF PTT TOP SPRC PTTGC XO)
  • BOT สั่งลดเพดานดอกเบี้ยเป็นลบต่อ (KTC AEONTS MTC SAWAD)

หุ้นมีข่าว

(+)โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง 7 รัฐมนตรีแล้ว “ปรีดีนั่งรมว.คลัง สุพัฒนพงษ์นั่งรองนายกฯ ควบพลังงานตามนัด เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ ด้าน JCR จากญี่ปุ่นคงอันดับความน่าเชื่อถือไทย A- มุมมองมีเสถียรภาพ ชมรับมือสถานการณ์โควิดได้รวดเร็ว ด้านตลาดหุ้นเดือน ก.ค. ส่งสัญญาณฟื้นตัว (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) LPN (Bloomberg Consensus 3.98 บาท)   แจ้งงบครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 370.40 ล้าน ลดลง 29.67% เจอพิษโควิด-19 ฉุดรายได้การขายและบริการลดลง ตุนแบ็กล็อก 3,840 ล้านบาท จ่อบุ๊กครึ่งปีหลัง 3,020 ล้านบาท โชว์ยอดขายครึ่งปีแรก 5,780 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ZEN (Bloomberg Consensus 11.70 บาท) คาด 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ธุรกิจร้านอาหารปรับตัวดีขึ้น ตั้งเป้ากลับมาสร้างกำไรที่ดีตั้งแต่ครึ่งปีหลัง ชี้ดีมานด์ธุรกิจร้านอาหารฟื้นเร็ว จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ผ่านจุดต่ำสุด หลังปริมาณลูกค้าทยอยเพิ่มขึ้น (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) ADVANC (Bloomberg Consensus 225.27 บาท)   จัดปันผลระหว่างกาล 3.24 บาทต่อหุ้น หลังไตรมาส 2/2563 มีกำไรสุทธิกว่า 7.2 พันล้านบาท มีรายได้รวม 4.22 หมื่นล้านบาท แม้ถูกกระทบจากโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจมือถือ ยังมีจำนวนลูกค้าสูงสุดในตลาดที่ 41 ล้านเลขหมาย พร้อมคงงบลงทุนเครือข่าย ทั้ง 4G, 5G ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

ความเห็น ผลประกอบการยังสามารถเติบโต 3.6%QoQ จากรายได้ลูกค้ากลุ่ม Postpaid ที่ยังเติบโต ประกอบกับการควบคุมต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ โดย ADVANC แจ้งงบดีกว่า Bloomberd consensus คาด ราว 8% จึงอาจเห็นแรงเก็งกำไร

(+) VIBHA (Bloomberg Consensus 1.87 บาท) แย้มไตรมาส 3/2563 คนไข้เริ่มกลับมา เชื่อธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว มั่นใจทั้งปีรักษาผลประกอบการใกล้เคียงปีก่อน ส่วนความคืบหน้าสร้างโรงพยาบาลวิภารามอ่อนนุช มูลค่าลงทุน 1.2 พันล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างขอ EIA ฟากโบรกมองธุรกิจมีความน่าสนใจ แนวโน้มเติบโต แม้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แนะซื้อ ราคาเหมาะสม 2.25 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SIRI (Bloomberg Consensus 0.68 บาท) เล็งปรับเพิ่มเป้ายอดขายแนวราบ จากเดิมทั้งปี 1.9 หมื่นล้านบาท หลัง 7 เดือนปั๊มยอดได้แล้วกว่า 1.54 หมื่นล้านบาท ปิดโครงการได้แล้วกว่า 13 โครงการ อวด Backlog ในมือล้น 5.4 หมื่นล้านบาท ลุยครึ่งปีหลัง 2563 เตรียมเปิดโครงการแนวราบ 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.17 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SVI (Bloomberg Consensus 2.44 บาท) เดินกำลังผลิตเต็มสูบรับอานิสงส์สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำยอดขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มชูจุดแข็งทั้งฐานการผลิตและเทคโนโลยีขั้นสูงช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ มั่นใจปีนี้ธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง คาดผลงานครึ่งปีแรกเติบโตเด่น (ที่มา ทันหุ้น)

GPSC (Bloomberg Consensus 82.6) รายงานกำไร 2Q63 ที่ 1.9 พันล้านบาท +86%YoY และ +28%QoQ โดยรายได้ทรงตัวในระดับเดียวกับ 1Q63 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นโรงงานปิโตรเคมีซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อย ขณะที่บริษัทมีลูกค้าเป็นโรงงานผลิตรถยนต์เพียง 2% ด้านต้นทุนขายปรับตัวลงตามราคาก๊าซธรรมชาติและราคาถ่านหินที่ลดลง 1% และ 6% ตามลำดับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายทางการเงินปรับตัวลง 5% สู่ 990 ล้านบาทเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวลง

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 3Q63 เนื่องจากคาดว่าจะรับรู้กำไรจากไซยะบุรีหลังเข้าสู่ฤดูฝน และคาดว่ากำไรปกติจะทรงตัวได้จากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มปิโตรเคมี นอกจากนี้ได้ผลบวกจากต้นทุนก๊าซฯ และถ่านหินที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก แนะนำ ซื้อสะสม