14 จังหวัดฝ่าวาตภัย เดือดร้อนบ้านเรือนพัง 3,762 หลังคา

14 จังหวัดฝ่าวาตภัย เดือดร้อนบ้านเรือนพัง 3,762 หลังคา

ปภ. รายงานเกิดวาตภัยในพื้นที่ 14 จังหวัด เดือดร้อนบ้านเรือนพัง 3,762 หลังคา

6 ส.ค. 63 เวลา 09.00 น. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานเกิดวาตภัยในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ อำนาจเจริญ สุรินทร์ ตราด จันทบุรี สระบุรี สุราษฎร์ธานี พังงา ระนอง นครศรีธรรมราช ชุมพร ภูเก็ต กระบี่ สงขลา และตรัง รวม 62 อำเภอ 271 ตำบล 1,072 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 3,762 หลัง ผู้เสียชีวิต 4 ราย (นครศรีธรรมราช และภูเก็ต 1 ราย สุราษฎร์ธานี 2 ราย) ผู้สูญหายจากเรือล่ม 3 ราย (สุราษฎรธานี) ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลจากพายุ “ซินลากู (SINLAKU)” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 ถึงปัจจุบัน (6 ส.ค.63 เวลา 06.00 น.) ส่งผลให้เกิดวาตภัยในพื้นที่ 14 จังหวัด รวม 62 อำเภอ 271 ตำบล 1,072 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 3,762 หลัง ผู้เสียชีวิต 4 ราย (นครศรีธรรมราช และภูเก็ต 1 ราย สุราษฎร์ธานี 2 ราย) ผู้สูญหายจากเรือล่ม 3 ราย (สุราษฎรธานี) แยกเป็น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด 6 อำเภอ 14 ตำบล 18 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 46 หลัง ดังนี้ อำนาจเจริญ เกิดวาตภัยใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ และอำเภอปทุมราชวงศา รวม 8 ตำบล 10 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 21 หลัง สุรินทร์ เกิดวาตภัยใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอท่าตูม อำเภอชุมพลบุรี อำเภอสำโรงทาบ และอำเภอรัตนบุรี รวม 6 ตำบล 8 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 25 หลัง

ภาคตะวันออก 2 จังหวัด 7 อำเภอ 9 ตำบล 37 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 114 หลัง ดังนี้ ตราด เกิดวาตภัยใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคลองใหญ่ อำเภอเกาะช้าง อำเภอเมืองตราด อำเภอเกาะกูด และอำเภอแหลมงอบ รวม 7 ตำบล 31 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 106 หลัง จันทบุรี เกิดวาตภัยใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแหลมสิงห์ และอำเภอสอยดาว รวม 2 ตำบล 6 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 8 หลัง

ภาคกลาง 1 จังหวัด ดังนี้ สระบุรี เกิดวาตภัยใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอเมืองสระบุรี รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 2 หลัง

ภาคใต้ 9 จังหวัด 47 อำเภอ 246 ตำบล 1,015 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 3,600 หลัง ดังนี้ สุราษฎร์ธานี เกิดวาตภัยใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชัยบุรี และอำเภอเกาะสมุย รวม 3 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง ผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้สูญหายจากเรือล่ม 3 ราย (สุราษฎร์ธานี) พังงา เกิดวาตภัยใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพังงา อำเภอคุระบุรี และอำเภอตะกั่วป่า รวม 21 ตำบล 61 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 745 หลัง ระนอง เกิดวาตภัยใน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองระนอง อำเภอกระบุรี อำเภอสุขสำราญ อำเภอละอุ่น และอำเภอกะเปอร์ รวม 29 ตำบล 39 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 423 หลัง นครศรีธรรมราช เกิดวาตภัยใน 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา อำเภอพรหมคีรี อำเภอนบพิตำ อำเภอช้างกลางอำเภอพระพรหม อำเภอบางขัน อำเภอฉวาง อำเภอทุ่งสง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอร่อนพิบูลย์ รวม 52 ตำบล 186 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 515 หลัง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ชุมพร เกิดวาตภัยใน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสวี อำเภอหลังสวน อำเภอทุ่งตะโก อำเภอพระโต๊ะ อำเภอละแม อำเภอท่าแซะ อำเภอเมืองชุมพร และอำเภอปะทิว รวม 38 ตำบล 195 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 394 หลัง

ภูเก็ต เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอกระทู้ รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 1 หลัง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย กระบี่ เกิดวาตภัยใน 8 อำเภอ ดังนี้ อำเภอเขาพนม อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอคลองท่อม อำเภอลำทับ อำเภอปลายพระยา อำเภออ่าวลึก อำเภอเกะลันตา และอำเภอเหนือคลอง รวม 53 ตำบล 221 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 628 หลัง สงขลา เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ รวม 1 ตำลบล 1 หมู่บ้าน ตรัง เกิดวาตภัยใน 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอรัษฎา อำเภอสิเกา อำเภอควนกุน อำเภอห้วยยอด อำเภอเมืองตรัง อำเภอนาโยง อำเภอกันตัง และอำเภอวังวิเศษ รวม 52 ตำบล 239 หมู่บ้าน บ้านเรือนเสียหาย 891 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์ภัยคลี่คลายแล้ว

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้างหรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสม การจ่ายเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป