'รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐ' เล็งเยือน 'ไต้หวัน'

'รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐ' เล็งเยือน 'ไต้หวัน'

สหรัฐยั่วจีนอีกรอบ ประกาศส่งตัวแทนระดับสูงสุดไปเยือนไต้หวันในรอบหลายสิบปี แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวนี้ท้าทายจีนในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์

สถาบันอเมริกันในไต้หวัน หรือสถานทูตสหรัฐโดยพฤตินัยในไทเปยืนยันวานนี้ (5 ส.ค.) ว่า อเล็กซ์ เอซาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะนำคณะตัวแทนสหรัฐไปเยือนไต้หวัน

“ถือเป็นการเยือนของรัฐมนตรีสหรัฐครั้งแรกในรอบ 6 ปี และเป็นการเยือนระดับสูงสุดของเจ้าหน้าที่ในคณะรัฐมนตรีสหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2522” แถลงการณ์จากสถาบันอเมริกันระบุ

ทั้งนี้ สหรัฐหันมามีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแทนไต้หวันในปี 2522 แต่ยังคงเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ให้กับเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ พร้อมๆ กับสงวนท่าทีในการติดต่อกันอย่างเป็นทางการ

ด้านกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันก็ยืนยันการเดินทางครั้งนี้ และว่า เอซาร์จะเข้าพบกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน แถลงการณ์จากกระทรวงระบุว่า รัฐมนตรีเอซาร์เป็นมิตรแท้กับไต้หวันมายาวนาน การมาเยือนของเขา “เป็นหลักฐานมากพอยืนยันได้ถึงความไว้เนื้อเชื้อใจกันบนรากฐานอันแข็งแกร่ง” ระหว่างวอชิงตันกับไทเป

กระนั้นแถลงการณ์ของทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้บ่งบอกว่า รมว.สาธารณสุขสหรัฐจะมาเมื่อใด

ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐอบอุ่นขึ้นมากในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ใช้เกาะแห่งนี้เป็นเครื่องมือตอบโต้ปักกิ่ง หลังจากเขาปะทะกับจีนในหลายเรื่อง รวมทั้งการค้าและการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

ไต้หวันประสบความสำเร็จในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผงาดขึ้นเป็นดินแดนประชาธิปไตยก้าวหน้าที่สุดในเอเชีย ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายในวอชิงตัน

หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเลือกตั้งไม่นาน เขากลายเป็นผู้นำสหรัฐคนแรกนับตั้งแต่ปี 2522 ที่ได้คุยกับประธานาธิบดีไต้หวันโดยตรง ตอนที่ประธานาธิบดีไช่โทรมาแสดงความยินดี

นับตั้งแต่นั้นรัฐบาลทรัมป์ก็ขายอาวุธจำนวนมากให้ รวมทั้งเครื่องบินรบที่ประธานาธิบดีไต้หวันคนก่อนๆ ไม่กล้าซื้อเกรงทำให้ปักกิ่งโกรธและขัดขวาง

นอกจากนี้ในปี 2561 ทรัมป์ยังลงนามกฎหมายฉบับใหม่ ที่ผ่านการสนับสนุนจากทุกพรรค ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกัน เปิดโอกาสการเยือนในระดับสูงขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐกับไต้หวัน

การเยือนของเอซาร์ แถลงการณ์จากทั้ง 2 ฝ่ายอ้างว่า เป็นเพราะไต้หวันเป็นตัวอย่างที่ดีในการต่อสู้โควิด

แม้อยู่ติดกันและเศรษฐกิจใกล้ชิดกับจีน ไต้หวันมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาไม่ถึง 500 คน เสียชีวิตเพียง 7 คน สืบเนื่องจากการตามรอยโรคและตรวจหาเชื้อระดับเวิลด์คลาส ประกอบกับใช้วิธีปิดพรมแดนกลายๆ

“ไต้หวันเป็นตัวแบบของความโปร่งใสและร่วมมือกับสาธารณสุขโลกในช่วงโควิด-19 ระบาด และก่อนหน้านั้นนานมาแล้ว” เอซาร์กล่าวถึงไต้หวัน

ขณะที่ปักกิ่งจะมองว่า การเยือนของเอซาร์เป็นเรื่องสำคัญกว่านั้นมาก และไม่พอใจทุกครั้งที่ทางการสหรัฐติดต่อกับไต้หวัน เคยออกแถลงการณ์หลายฉบับประณามวอชิงตันที่มีสัมพันธ์อบอุ่นกับไทเป

“ปักกิ่งจะต่อต้านการเยือนครั้งนี้อย่างแข็งขัน และมองว่าเป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่รัฐบาลทรัมป์หันเหจากนโยบายจีนเดียว” บอนนี เกลเซอร์ ผู้อำนวยการโครงการอำนาจจีน ศูนย์ยุทธศาสตร์และการระหว่างประเทศศึกษากล่าวกับเอเอฟพี