'บ่อนพนัน' ไทย ท่ามกลาง 'กาสิโน' ถูกกฎหมาย

'บ่อนพนัน' ไทย ท่ามกลาง 'กาสิโน' ถูกกฎหมาย

“บ่อน” หรือ “กาสิโน” อุตสาหกรรมซอกหลืบที่สร้างมูลค่าเศรษฐกิจมหาศาล หากมองภาพรวมในเอเชีย ภาพแรกที่นึกถึงคงไม่พ้นมาเก๊า แต่วันนี้โลกเหวี่ยงแรง ทำให้ย่าน “อาเซียน” กลายเป็นม้ามืดที่ต้องจับตามอง

จากประเด็นร้อน “บ่อน” ไทย ที่มีการดัดแปลงอาคารพาณิชย์ย่านพระราม 3 เปิดเป็นบ่อนการพนัน และเกิดเหตุยิงกันจนมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

แน่นอนว่า ในทุกๆ ครั้งที่มีข่าวเหตุรุนแรงหรือการบุกเข้าทลายบ่อนการพนันรายใหญ่ๆ ทีไร ก็มักจุดประเด็นให้ผู้คนถกเถียงกันตลอดว่า ตกลงแล้ว เราควรชั่งน้ำหนักอย่างไรดี ระหว่างการยอมให้มี “บ่อน” ถูกกฎหมาย หรือที่เรียกว่า “กาสิโน” เพื่อเป็นหนทางหนึ่งที่จะลดคดีอาชญากรรม รวมถึงการนำเงินนอกระบบเข้ารัฐอย่างถูกกฎหมาย หรือจะยังคงปฏิเสธธุรกิจสีเทาๆ นี้ ที่แม้จะผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่เคยกวาดล้างให้หายไปจากสังคมไทยได้เลย

ระหว่างที่ คำถามดังกล่าวจะยังคงต้องเป็นที่ถกเถียงกันไปอีกนาน​ “กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” ขอพาไปสำรวจบ่อนกาสิโนแบบถูกกฎหมายในโซนเอเชียกันว่า เป็นอย่างไร โดยเฉพาะเพื่อนบ้าน “อาเซียน” ซึ่งว่ากันว่า กำลังมาแรงและถูกจับตามองอย่างมากในขณะนี้

น้องใหม่กาสิโนอาเซียนกำลังมา

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เวลาพูดถึงธุรกิจการพนันในเอเชีย สถานที่แรกที่หลายคนคงนึกถึง ก็คือ “มาเก๊า” ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการพนันโลกเลยก็ว่าได้ โดยภาษีจากกาสิโนมากกว่า 80% สามารถสร้างรายได้ให้กับรัฐบาล แต่อนาคตมาเก๊าคงต้องรับมือกับความท้าทายครั้งใหญ่ เพราะว่าอุตสาหกรรมการพนันในเอเชียตะวันออกเฉียงกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากบทความ Casino business booming in ASEAN บนเว็บไซต์เดอะ อาเซียน โพสต์ ได้เขียนอธิบายไว้ว่า ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมนี้เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราวดอกเห็ด แถมไม่ใช่เพียงเชิงปริมาณเท่านั้น แต่ในแง่ของรายได้จากส่วนนี้ก็สูงขึ้นมากเช่นกัน

ทั้งนี้ บทความดังกล่าวได้เอ่ยไล่ไปตั้งแต่ ศูนย์กลางของการพนันที่เป็นที่รู้จักอย่าง สิงคโปร์ โดยโซน มารีน่า เบย์ เป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจำนวนมาก ทำให้ปี 2562 ที่ผ่านมา มีความต้องการแรงงานเพิ่มในโซนนี้ราวๆ 1,000 คน แต่สำหรับประชาชนในประเทศ ยังมีข้อจำกัดในการเข้าไปเล่นการพนันในกาสิโนค่อนข้างมาก (อัพเดต - ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เปิดให้เข้าไปเล่นได้เฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิก)

 

นอกจากสิงคโปร์ ยังมีอีกหนึ่งศูนย์กลางการพนันที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองแห่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ นั่นก็คือ ฟิลิปปินส์” ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับครบครัน เช่น การประชุม สวนสนุก และคาสิโน รวมถึงรีสอร์ท ซึ่งมี Solaire Resort & Casino and Genting’s Resorts World Bayshore เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ (อัพเดต - ปัจจุบันยังคงปิดชั่วคราวตามคำสั่งของรัฐบาล เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19)

ขณะที่ เวียดนาม ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ยกเลิกคำพิพากษาที่ว่า การเล่นเกมการพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมายสำหรับประชาชนในประเทศ รวมถึงยังบรรจุกาสิโน เป็นหนึ่งในโครงการที่วางแผนไว้ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ​Phu Quoc และ Van Don ด้วย ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถดึงคลื่นการลงทุนกาสิโนเข้ามาภายในประเทศได้ ทั้งนี้หนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุด มีชื่อว่าโครงการ Ho Tram Strip มีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากแล้วเสร็จจะประกอบด้วย รีสอร์ททั้งหมด 5 แห่ง และสนามกอล์ฟ 1 แห่ง

สิ่งที่น่าสนใจและต้องจับตามองคือ ตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เกิดการลงทุนกาสิโนและรีสอร์ทแบบครบวงจร คือตัวเลข “นักท่องเที่ยวจีน” ที่เพิ่มมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากนโยบาย “เส้นทางสายไหมใหม่” (One belt one road) ของจีน และเป็นเหตุผลหนึ่งที่เวียดนามพยายามพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งสองแห่งด้วย

ขณะเดียวกัน ยังมีเมืองกาสิโนเล็กๆ แต่ยอดเงินหมุนเวียนไม่เล็กอย่าง “สีหนุวิลล์ในกัมพูชา ที่เติบโตจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้น อานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีน ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการโรงแรม WA Hospitality ในมาเลเซีย ได้ลงนามข้อตกลงเพื่อดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท Won Majestic Casino Hotel & Resort ในสีหนุวิลล์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา และจะเปิดดำเนินการช่วงไตรมาสแรกของปี 2021

เมื่อแล้วเสร็จ ตรงนี้จะกลายเป็นคอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย โรงแรม 5 ดาว ขนาด 270 ห้อง สำนักงาน 313 grade A รวมถึงมีพื้นที่ค้าปลีกขนาด 2,500 ตารางเมตร และเอาท์เล็ตอาหารและเครื่องดื่มด้วย

เมื่อหลายประเทศเร่งพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่กำลังถาโถมเข้ามา แต่ยังมีความเสี่ยงที่โครงการเหล่านั้นจะโอเวอร์ซัพพลาย หรือล้นตลาดได้ และมีความกังวลว่าอุตสาหกรรมกาสิโนที่เพิ่มขึ้นนั้นก็สามารถทำลายตลาดได้ด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน กาสิโนเองต้องเผชิญกับความท้าทายอื่นๆ โดยเฉพาะ การพนันรูปแบบออนไลน์” 

ขณะเดียวกันกาสิโนเองต้องเผชิญกับความท้าทายอื่นๆ โดยเฉพาะ “การพนันรูปแบบออนไลน์” อย่างเช่น ประเทศฟิลิปปินส์มีรายงานว่า รายได้จากภาคอุตสาหกรรมการพนันที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากผู้ให้บริการอุตสาหกรรมการพนันรูปแบบใหม่ออนไลน์ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลพยายามกระจายแหล่งที่มาของรายได้ แต่คงจะไม่ดีสำหรับผู้ประกอบการกาสิโนสักเท่าไหร่ เนื่องจากธุรกิจกาสิโนรูปแบบเดิม ไม่ได้มีการพนันเท่านั้น แต่ยังมีสวนสนุก สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ และห้างสรรพสินค้า ที่กาสิโนรูปแบบออนไลน์ไม่สามารถให้บริการได้

ทั้งนี้ หากเจาะลึกลงไปในแต่ละประเทศรอบๆ ไทย มาดูกันว่าประเทศเหล่านั้นมีกาสิโนสักกี่แห่ง มีรูปแบบอุตสาหกรรมเป็นไปในลักษณะใดบ้าง

เริ่มที่ประเทศลาว หลักๆ มีกาสิโน 3 แห่ง ได้แก่

1.คิง โรมัน กาสิโน (The King Romans Casino) ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว เป็นหนึ่งในโครงการระยะยาว ตามข้อตกลงความร่วมมือของลาวและจีนในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่เริ่มดำเนินการพัฒนาปี 2000 โดยธุรกิจทั้งหมดเป็นของนักลงทุนจีนที่ได้สิทธิ์สัญญาเช่าถึง 99 ปี โดยไม่ต้องจ่ายภาษี และเมื่อสัญญาหมดลงทรัพย์สินทั้งหมดในเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้จะตกเป็นการถือครองของรัฐบาลลาว ขณะนี้เขตเศรษฐกิจพิเศษนี้กลายเป็นด่านชายแดนระหว่างประเทศ มีโรงแรมหลายแห่ง รวมถึงตลาดไชน่าทาวน์ที่มีร้านค้ากว่า 70 ร้าน และภัตตาคาร เข้ามาตั้ง

2.แดนสะหวัน น้ำงึม รีสอร์ท กาสิโน (The Dansavanh Nam Ngum Resort Casino) ตั้งบริเวณเทือกเขาบัฟฟาโล ทะเลสาบแดนสะหวัน ห่างจากตอนเหนือของเวียงจันทน์ราว 60 กิโลเมตร ซึ่งจริงๆ แล้ว กาสิโนแห่งนี้คือหนึ่งในสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดในลาว รวมถึงกีฬาทางน้ำในทะเลสาบด้วย ภายในประกอบด้วยโรงแรมหรู สถานบันเทิง และภัตตาคาร

ทั้งนี้พื้นที่กาสิโนค่อนข้างเล็ก เพียง 6,500 ตารางฟุต แต่ภายในมีเครื่องเล่นการพนันจำนวนมาก ทั้งสล็อต 150 เครื่อง สปอร์ตบุ๊ค (Sportsbook) เกมไพ่ (Blackjack) รูเล็ต (Roulette) เกมไพ่บาคาร่า (Baccarat) แคริบเบียนสตั๊ดโป๊กเกอร์ (Caribbean Stud Poker) ไฮโล (Tai-Sai) อีกราว 60 โต๊ะ

3.สะหวัน เวกัส โฮเทล แอนด์ กาสิโน ตั้งอยู่ที่แขวงสะหวันนะเขต ใกล้ชายแดนไทย ซึ่งที่นี่มีทั้งโรงแรม 5 ดาว และแหล่งความบันเทิงด้านกาสิโน โดยมีพื้นที่ใหญ่กว่าแดนสะหวันมากว่า 50,000 ตารางฟุต และมีเครื่องสล็อตราว 500 เครื่อง รวมถึงเครื่องเล่นวีดิโอเกมและโต๊ะเกมอีกกว่า 80 โต๊ะ ส่วนโรงแรมก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสปา เลานจ์ และภัตตาคาร

ด้านกัมพูชา ประเทศหนึ่งในเอเชียที่การพนันเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายสำหรับคนต่างชาติ แต่สำหรับประชาชนในประเทศ กฎหมายเพิ่งเปิดทางให้เมื่อปี 1996 หรือราวๆ 24 ปี โดยปัจจุบัน NagaWorld เป็นกาสิโนที่ใหญ่ที่สุด มีพื้นที่มากกว่า 75,000 ตารางฟุต มีเครื่องเล่นพนันราวๆ 1,000 เครื่อง และโต๊ะเล่นการพนันอีกกว่า 200 ตัว

ทั้งนี้ กัมพูชามีกาสิโนทั้งหมด 150 แห่ง โดยกาสิโนดีๆ ส่วนหนึ่งมักตั้งอยู่ศูนย์กลางเมืองต่างๆ เช่น ปอยเปต บาเวต เป็นต้น แต่หลายแห่งไปตั้งอยู่ใกล้เขตชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงชายแดนเวียดนาม สำหรับคนไทยนั้นได้รับอนุญาตเป็นพิเศษให้ข้ามเขตพรมแดนเข้าประเทศกัมพูชาเพื่อเล่นการพนันได้ โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง แต่จะมีระบบการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเมื่อเดินทางลึกเข้าไปภายในประเทศ

โดยกาสิโนบางแห่งเปิดให้บริการในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวพักจำนวนมาก เช่น กาสิโน Queenco ที่สีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นกาสิโนที่ใหม่และใหญ่ที่สุด หรือเกาะกง รีสอร์ท หนึ่งในเมืองชายแดนที่มีรีสอร์ท 4.5 ดาว ทั้งนี้ กาสิโนหลายแห่งไม่ได้ระบุจำนวนเครื่องเล่นการพนันไว้ แต่อัตราส่วนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4 : 1 เมื่อเทียบกับคาสิโนในตะวันตก ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์น้อย

สำหรับเวียดนาม การพัฒนากาสิโนค่อนข้างช้าและยาก เนื่องจากช่วงเดือนมกราคม 2017 ที่ผ่านมา เวียดนามได้ออกประกาศพระราชกฤษฎีกาว่าให้คนที่ถือพาสปอร์ตต่างชาติสามารถเข้ามาเล่นในกาสิโนและอีเกมมิ่งคลับของเวียดนามได้ ส่วนประชาชนในเวียดนามเอง กลับไม่ได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพราะไม่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเวียดนาม จากเดิมนั้นประชาชนสามารถเข้าไปเล่นได้

ขณะเดียวกันเหล่านักลงทุนก็เริ่มพาเหรดเข้ามาก่อนที่พระราชกฤษฎีกาประกาศออกมาเสียอีก อย่างโปรเจคขนาดใหญ่หลายโครงการเข้ามา เช่น โครงการ The Grand Ho Tram Strip ที่เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2013 มีโรงแรมขนาด 541 ห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ หรือโครงการ An 18-hole golf course ที่เปิดให้บริการในปี 2015 

ขณะที่ปี 2017 The Beach Club ที่เคยลงทุนไปแล้วมีห้องพักราว 559 ห้อง และได้ออกประกาศถึงแผนการลงทุนเฟส 3 แต่ต้องพับโครงการไป ทำให้เวียดนามถูกจัดอันดับให้เป็นที่ท้ายๆ ของเอเชีย ในแง่ของตัวเลขรายได้จากเกมการพนัน (Gross gaming revenue (GGR) ที่นับว่าเป็นเรื่องถูกกฎหมาย 

และจากรายงานของรัฐบาล พบว่ามีรายได้จากส่วนนี้เพียง 62.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น จากมูลค่าทั่วโลกในปีเดียวกันสูงถึง 450 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนักวิชาการและวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าหากมีการเปิดกาสิโนเพิ่มขึ้น เวียดนามจะมีรายได้จากอุตสาหกรรมนี้ถึง 3-6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบันเวียดนามมีกาสิโนที่ได้รับใบอนุญาตทั้งหมด 7 แห่ง เช่น Ho Tram Resort Casino ในจังหวัดบ่าเหรี่ยะ - หวุงเต่า Phoenix International Club จังหวัดบั๊กนิญ เป็นต้น และยังมีคลับเกมอิเล็กทรอนิกส์อีกราว 23 แห่ง โดยจะอนุญาตให้เฉพาะคนที่ถือพาสปอร์ตจากต่างประเทศเข้ามาเท่านั้น ทำให้ประชาชนชาวเวียดนามไม่มีแหล่งเล่นการพนันภายในประเทศ จึงต้องเดินทางไปเล่นประเทศอื่นแทน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไปกาสิโนประเทศใกล้เคียง เช่น กัมพูชา หรือลาว ขณะที่กลุ่มที่มีรายได้ค่อนข้างสูง มักจะเดินทางไปเล่นการพนันที่เกาะเชจู เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และมาเก๊า

สำหรับ ประเทศไทยการพนันยังถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย !