กองทุนดัน 'ทองคำ' วิ่งต่อ ในประเทศทำสถิติใหม่ทะลุ 3 หมื่น

กองทุนดัน 'ทองคำ' วิ่งต่อ ในประเทศทำสถิติใหม่ทะลุ 3 หมื่น

“ทองคำ”ทำสถิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 3 หมื่นบาทต่อบาททองคำ หลังทองคำโลกพุ่ง 2 พันดอลลาร์ต่อออนซ์ กังวลเงินเฟ้อพุ่ง -โควิดระบาดลากยาว “วายแอลจี” ชี้มีโอกาสแตะ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้าน“นายกสมาคมค้าทองคำ” ชี้ราคามีโอกาสขึ้นต่อ เหตุ แรงซื้อจากกอง

ความเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศวานนี้ (5 ส.ค.) ทองรูปพรรณพุ่งขึ้นแตะระดับ 30,200 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่ทองแท่งมีราคาขายออกสูงสุดที่ 29,700 บาทต่อบาททองคำ หลังจากที่ราคาทองคำโลก (Gold spot) พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 2,033 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทั้งนี้ ราคาทองรูปพรรณและทองแท่งในปีนี้ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 8,200 บาทต่อบาททองคำ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นราว 36% ขณะที่ Gold spot เพิ่มขึ้นราว 500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือราว 33% จากปีก่อน

นางสาวเบญจมา มาอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นมาในรอบนี้ถือว่าค่อนข้างเร็วกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ โดยหลังจากที่ผ่านระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญขึ้นมาได้ ทำให้มีแรงซื้อใหม่เข้ามาหนุนราคาทองคำ

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นอย่างแท้จริง คือ อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของแต่ละประเทศ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยยังมีแนวโน้มติดลบในปีนี้ แต่เมื่อดูในสหรัฐ จะเห็นว่างบดุลของธนาคารสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 4 ล้านล้านดอลลาร์ เป็น 7 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในเวลาแค่ประมาณ 6 เดือน

“เป้าหมายถัดไปของราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 2,100 เหรียญ และมีโอกาสที่จะไปถึง 2,300 เหรียญ หากประเทศต่างๆ ยังมีการอัดสภาพคล่องเข้ามาต่อเนื่อง อย่างในสหรัฐที่อัดสภาพคล่องเข้ามาต่อเนื่องจนเม็ดเงิน M2 (ปริมาณเงินอย่างกว้าง ซึ่งรวมถึงเงินที่อยู่ในมือประชาชน และเงินฝากของประชาชน) ขยายตัวถึง 23.19% จากปีก่อนหน้า ทำให้นักลงทุนในสหรัฐคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อมีโอกาสจะพุ่งสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (real yield) ในขณะนี้ก็ติดลบไปแล้วถึง 1.06% หาก real yield ยังติดลบมากขึ้นอีก ก็จะยิ่งหนุนให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น”

นอกจากนี้ มีการประเมินจากนักเศรษฐศาสตร์ในสหรัฐว่า เฟดอาจจะปรับมาใช้นโยบายเงินเฟ้อโดยเฉลี่ย แทนการตั้งกรอบเงินเฟ้อ 2% ซึ่งทำให้เงินเฟ้อมีโอกาสที่จะพุ่งสูงขึ้นเกินกว่า 2% ได้ในระยะถัดจากนี้ เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยขยับมาเป็น 2%

“หากราคาทองคำจะปรับขึ้นได้ต่อเนื่องหลังจากนี้ เงินเฟ้ออาจจะต้องขยับขึ้นไปสูงมากกว่านี้ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นตัวกระตุ้นให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น หากมีการคิดค้นวัคซีนได้สำเร็จและสามารถแจกจ่ายอย่างทั่วถึง และแต่ละประเทศเริ่มผ่อนปรนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็อาจจะทำให้ราคาทองคำกลับมาปรับตัวลดลง โดยสรุปแล้วมุมมองต่อราคาทองคำในขณะนี้จึงเป็นมุมมองเชิงบวกแบบระมัดระวัง”

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า การพุ่งขึ้นของราคาทองคำ จนทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากเหตุการณ์ระเบิดทีี่ประเทศเลบานอน และความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศที่ยังไม่คลี่คลายไป

“แนวโน้มราคาทองคำหลังจากนี้น่าจะปรับขึ้นต่อได้ เพราะยังมีแรงซื้อจากกองทุนทองคำรายใหญ่ของโลกเข้ามาต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทองคำมีแนวต้านสำคัญบริเวณ 2,045-2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นจุดที่ต้องติดตามความชัดเจนของกระแสข่าวต่างๆ อีกครั้ง และด้วยราคาที่ปรับขึ้นมาสูงมาก นักลงทุนอาจจะต้องระมัดระวังสำหรับการเก็งกำไรมากขึ้น”