‘ดิสนีย์’ ฝืนไม่ไหว ปล่อย ‘Mulan’ ฉายสตรีมมิงก่อนเข้าโรง

‘ดิสนีย์’ ฝืนไม่ไหว ปล่อย ‘Mulan’ ฉายสตรีมมิงก่อนเข้าโรง

‘ดิสนีย์’ รอโรงหนังในอเมริกาเปิดไม่ไหว ตัดสินใจนำ ‘Mulan’ ที่เลื่อนฉายไปแล้วหลายรอบ เปิดตัวทางระบบสตรีมมิงก่อน แต่ในไทยยังเข้าฉายตามโรงภาพยนตร์ปรกติในวันที่ 3 กันยายนนี้

หลังจากที่เกิดประเด็นความขัดแย้งระหว่างผู้สร้างหนังกับผู้ประกอบกิจการโรงภาพยนตร์เรื่องการนำหนังใหม่ไปเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ (premiere screening) ทางระบบสตรีมมิ่ง แทนที่จะเปิดตัวในโรงภาพยนตร์ก่อนอย่างที่เคยทำกันมาจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในอุตสาหกรรมภาพยนตร์

เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้โรงภาพยนตร์ในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องปิดให้บริการอย่างไม่มีกำหนด ส่งผลให้หนังฮอลลีวูดหลายเรื่องต้องเลื่อนการเข้าโรงฉายตามไปด้วย กลายเป็นผลกระทบโยงใยเป็นวงกว้างไปยังหลายภาคส่วน

ในส่วนของค่ายหนังฮอลลีวู้ดนั้นก็จะไม่มีรายได้จากการขายหนังเข้ามาในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ ถ้ายังต้องรอให้หนังเปิดตัวในโรงภาพยนตร์สหรัฐก่อนถึงจะนำไปลงในช่องทางอื่นได้แบบที่เคยเป็นมา ขณะที่ทางโรงภาพยนตร์ (ในประเทศที่สามารถเปิดให้บริการแล้ว) ก็ไม่มีหนังใหม่ ๆ มาดึงดูดคนให้เข้าไปดูในโรง แบบที่ประเทศไทยเรากำลังเผชิญอยู่ เพราะต้องรอหนังฮอลลีวูดเปิดตัวที่ประเทศบ้านเกิดก่อนถึงจะเข้าฉายที่บ้านเราได้ตามลำดับ

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากที่ประกาศเลื่อนฉายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เป็นความหวังของค่ายเรื่อง Mulan ไปแล้วหลายรอบเพราะสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศสหรัฐฯ ยังไม่มีสัญญาณว่าจะบรรเทาขึ้น ดิสนีย์ ผู้สร้างหนังเรื่องนี้จึงตัดสินใจนำ Mulan ที่นำแสดงโดย หลิวอี้เฟย ไปเปิดตัวทาง ‘ดิสนีย์ พลัส’ (Disney+) ซึ่งเป็นระบบสตรีมมิงของตัวเองในวันที่ 4 กันยายนนี้ โดยไม่ผ่านการฉายในโรงภาพยนตร์ก่อน

ส่วนเหตุผลของการตัดสินใจนำภาพยนตร์เรื่อง Mulan ออกฉายทางระบบสตรีมมิงก่อนนั้น ทางผู้บริหารของดิสนีย์ได้ชี้แจงเอาไว้ว่า นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่ไม่สามารถไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ได้รับชมหนังที่ยอดเยี่ยมเรื่องนี้แล้ว ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม และความน่าสนใจให้กับ Disney+ โดยอาจจะดึงคนให้เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกกันมากขึ้น ทั้งยังเป็นการทดสอบด้วยว่าจะมีคนยอมจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อ ‘เช่า’ หนังดูหรือไม่

ทั้งนี้ การรับชมภาพยนตร์ Mulan ทาง Disney+ เป็นแบบ ‘เช่าดู’ คือ ผู้ที่จ่ายเงินเป็นสมาชิกของ Disney+ ในราคาเดือนละ 6.99 ดอลลาร์อยู่แล้วไม่สามารถรับชม Mulan ได้ แต่จะต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อ ‘เช่าดู’ ในราคาที่สูงถึง 29.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 900 บาท กันเลยทีเดียว

ส่วนในประเทศที่ Disney+ ยังไม่เปิดให้บริการอย่างเช่น ประเทศไทย Mulan จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ตามปรกติ โดยล่าสุดทาง เมเจอร์ กรุ๊ป เครือโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้ประกาศผ่านบัญชีทวิตเตอร์ @MajorGroup ว่าภาพยนตร์เรื่องมู่หลาน ซึ่งมีทุนสร้างกว่า 6,000 ล้านบาท จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ วันที่ 3 กันยายนนี้

159663111468

ยังไม่ทิ้ง ‘โรงหนัง’ เพื่อนเก่า

การตัดสินใจของดิสนีย์ในครั้งนี้ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งในวงการภาพยนตร์ เพราะเมื่อค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง ดิสนีย์ ยังตัดสินใจทำเช่นนี้ ค่ายอื่นที่ยังลังเลอยู่ก็อาจกล้าทำแบบเดียวกันตามมาก็ได้

อย่างไรก็ตาม บ็อบ ชาเพค ซีอีโอของ ดิสนีย์ ได้แสดงท่าทีชัดเจนว่าทางค่ายไม่ได้หันหลังให้เพื่อนเก่าอย่างผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกันมานาน โดยบอกว่า การนำ Mulan ไปเปิดตัวในระบบสตรีมมิงเป็นข้อยกเว้นที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ไม่ได้หมายความว่านี่คือโมเดลธุรกิจใหม่ของบริษัท

159663124147

การตัดสินใจเรื่อง Mulan ของดิสนีย์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก AMC Theatres เครือโรงภาพยนตร์รายใหญ่สุดของโลก และค่ายยูนิเวอร์แซล (Universal) ซึ่งเคยขัดแย้งกันเรื่องการนำหนังเรื่อง Trolls World Tour ออกฉายทางระบบสตรีมมิ่งก่อนเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ได้ออกมาสร้างความประหลาดใจให้กับคนในวงการด้วยการแถลงว่า ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงกันว่าสามารถนำภาพยนตร์บางเรื่องไปฉายบนแพลตฟอร์มอื่นได้หลังจากที่หนังเรื่องนั้นเปิดตัวในโรงภาพยนตร์ไปแล้ว 17 วัน

ข้อตกลงระหว่าง AMC Theatres และยูนิเวอร์แซล ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ เพราะก่อนหน้านี้มีข้อตกลงกันไว้ว่าหนังต้องเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เป็นเวลา 3 เดือน ถึงจะนำไปฉายทางแพลตฟอร์มอื่นได้

ขณะที่การนำ Mulan ออกฉายในระบบ premium video-on-demand ก็เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า ดิสนีย์เองก็ต้องหันมาพึ่งพาระบบสตรีมมิงอย่าง Disney+ มากขึ้นในช่วงเวลาที่ธุรกิจส่วนอื่น ๆ ในเครือ ไม่ว่าจะเป็นสวนสนุก โรงภาพยนตร์ ร้านค้าต่าง ๆ ไม่สามารถทำรายได้ในช่วงวิกฤติโควิด-19 นี่เลย