"กลยุทธ์"การลงทุน (3 ส.ค.63)

"กลยุทธ์"การลงทุน (3 ส.ค.63)

พอร์ตหุ้นแนะนำ ส.ค. - ยังเน้นหุ้นมีประเด็นบวกเฉพาะตัว

พอร์ตหุ้นแนะนำ ก.ค. ลดลง 1.2% แต่ยัง outperform ดัชนี SET เล็กน้อย

ในเดือนกรกฎาคม พอร์ตหุ้นของเราลดลง 1.2% แต่ยัง outperform ดัชนี SET ที่ลดลง 2.1% เล็กน้อย (ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2563) โดยกลุ่มอาหารเป็นกลุ่มที่ขึ้นเยอะ OSP* วิ่งขึ้นมาถึง 10.5% สะท้อนถึงแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งใน 2H63 และความคาดหมายว่าบริษัทจะได้อานิสงส์จากการที่
คู่แข่งรายหนึ่งเผชิญกระแสต่อต้านจากสังคม ในขณะเดียวกัน CPF* ก็ขยับขึ้นมา 3.2% เนื่องจากราคาหมูพุ่งสูงขึ้นทัง้ในประเทศไทย และเวียดนาม ในทางกลับกัน ธีมหุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวถูกกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ที่เลวร้ายลง ส่วนประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ซึ่งได้แก่
การที่รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจลาออก และการปรับคณะรัฐมนตรีก็กดดันหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกกรม/หุ้นที่ได้อานิสงส์จากประเด็น EEC อย่างเช่น AMATA* (-7.8%)

มุมมองตลาดหุ้นเดือน ส.ค. - ราคาหุ้นน่าจะปรับลดลงมาบ้าง โดยหุ้น mid cap จะยังคงเป็ นจุดสนใจ

สำหรับเดือนสิงหาคม เรามองลบเล็กน้อยกับแนวโน้มตลาด และคาดว่าตลาดน่าจะย่อลงอีก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของเดือน เนื่องจาก i) กระแสข่าวลบจากสหรัฐเกี่ยวกับมาตรการบรรเทาผลกระทบจาก Coronavirus เนื่องจากสภา congress ดูเหมือนจะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ii) สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ที่ยังคงเลวร้ายลงไปอีก ซึ่งไม่ใช่แค่ในสหรัฐเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศหลักอื่น ๆ อีก อย่างเช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ และฮ่องกง iii) แม้ว่าผลประกอบการใน 2Q63 เท่าที่ประกาศออกมาจะดูเหมือนฟื้นตัวได้ดี แต่เราคิดว่าน่าจะมีการปรับลดประมาณการ EPS ของบริษัทจดทะเบียนไทยลงอีกจาก
มุมมองเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนไหว และความเสี่ยงด้าน downside ต่อการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว/GDP ของไทย ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าตลาดน่าจะแข็งแกร่งขึ้นหลังการปรับประมาณการเมื่อประกาศงบและ GDP 2Q63 ในกลางเดือนสิงหาคมแล้ว เนื่องจากยังคงมีสภาพคล่องจากทั้งในประเทศและใน
ต่างประเทศที่จะช่วยสนับสนุนตลาดหุ้น ในขณะที่กระแสเงินทุนไหลเข้าหุ้นเอเซียก็ดูแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเริ่มจากเอเซียเหนือท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง และเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวได้ดี ทั้งนี้ ตามแบบจำลองเชิงปริมาณของเรา เมื่อให้มูลค่าเหมาะสมของ SET โดยอิงจาก forward P/E 12 เดือนข้างหน้าที่ 17.3x ก็พบว่าดัชนี SET มีโอกาสจะขยับลงไปต่ำกว่า 1,300 ได้ในเดือนนี้ ซึ่งเรามองว่าจะเป็นโอกาสให้เข้าเก็บหุ้น

หุ้นเด่นเดือน ส.ค. ยังคงแนะเลือกหุ้นมีประเด็นบวกเฉพาะตัว และเลี่ยงหุ้นเชื่อมโยงดัชนีฯ (beta plays) ไปก่อน

เนื่องจากเราคาดว่าตลาดในเดือนสิงหาคมจะยังคงถูกกดดันจากสถานการณ์ COVID-19 ในโลก รวมถึงโอกาสที่จะมีการปรับลดประมาณการ EPS ของบริษัทจดทะเบียนไทยลง และราคาหุ้นไทยซึ่งสูงจนไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ดังนั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้น big cap ในกลุ่มหลักอย่างน้อยก็ในระยะสั้น ดังนั้น เราจึงยังคงแนะนำให้เลือกหุ้นที่มีประเด็นสนับสนุนแบบ bottom-up อย่างเช่น i) กลุ่มพาณิชย์ และโรงพยาบาล เนื่องจากมีโอกาสสูงที่ผลประกอบการจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q63 (CPALL*, BDMS*) ii) หุ้น mid-cap ที่ผลประกอบการ 2Q63 มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY
(AP*, PTG*) iii) หุ้นที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการภาครัฐที่จะออกมากระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐ/โครงสร้างพื้นฐาน (DOHOME*, GLOBAL*, SCCC) ถึงแม้ว่าหุ้น DOHOME และ GLOBAL จะไม่เหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราแล้ว แต่เรามองว่าประเด็นสนับสนุนยังดู
แข็งแกร่งมากในระยะสั้น และราคาหุ้นน่าจะ overshoot ขึ้นไปเกินราคาเป้าหมายได้