“เลขากบข.คนใหม่” ปักธงปั้นกองทุนบำนาญมาตรฐานโลก

 “เลขากบข.คนใหม่” ปักธงปั้นกองทุนบำนาญมาตรฐานโลก

คณะกรรมการ กบข. มีมติแต่งตั้งนางศรีกัญญา ยาทิพย์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กบข. คนใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเลขาธิการ กบข. จะขับเคลื่อนภารกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “กองทุนบำนาญไทย มาตรฐานกองทุนบำนาญโลก”

นางศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์การทำงานที่ กบข. มาเป็นระยะเวลากว่าสิบปี มั่นใจว่า กบข. เป็นกองทุนที่มีการบริหารจัดการที่ดี และคำนึงถึงผลประโยชน์ของสมาชิกเป็นสำคัญ โดยการรับตำแหน่งในครั้งนี้ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ “กองทุนบำนาญไทย มาตรฐานกองทุนบำนาญโลก” ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานของ กบข. ให้โดดเด่นและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ ซึ่งภารกิจที่จะดำเนินการอยู่ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่

1. แผนยุทธศาสตร์ด้านงานลงทุน มีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนยั่งยืนระยะยาว โดยจะทบทวนแผนจัดสรรสัดส่วนสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ในระยะยาว เพื่อกำหนดแนวทางสร้างผลตอบแทนยั่งยืนให้แก่สมาชิก และพัฒนาแผนทางเลือกการลงทุนให้แก่สมาชิก เช่น แผนทองคำ แผนตราสารทุนต่างประเทศ เป็นต้น  

2. แผนยุทธศาสตร์ด้านงานสมาชิก มีเป้าหมายเพื่อทวีค่าเงินออมของสมาชิก สร้างความรู้สึกผูกพันกับ กบข. โดยจะขับเคลื่อนแผนงานด้วยการใช้ข้อมูล เสริมพลังด้วยฟินเทค (Fintech) สร้างคู่แฝดดิจิทัล และพัฒนาโปรแกรมประมาณการ(Simulation Programs) เพื่อให้สมาชิกตัดสินใจใช้บริการ กบข. ได้ตรงกับเป้าหมายการออมเงินเพื่อการเกษียณ พร้อมทั้งผลักดันแก้ไขร่าง พ.ร.บ. กบข. ให้มีผลบังคับใช้ เช่น เปิดโอกาสให้สมาชิกออมเพิ่มได้สูงสุดถึง 30% ของอัตราเงินเดือน เป็นต้น

3. แผนยุทธศาสตร์ด้านงานบริหารองค์กร มีเป้าหมายให้พนักงานผูกพันกับองค์กร ทุ่มเทเพื่อสมาชิก และผลักดัน กบข. ให้เป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างรับผิดชอบในระดับโลก พร้อมเป็นกองทุนบำนาญต้นแบบ ที่สามารถให้ความช่วยเหลือเชิงเทคนิคกับกองทุนบำนาญอื่นในประเทศและต่างประเทศได้

“ด้วยวิสัยทัศน์และภารกิจข้างต้น เชื่อมั่นว่าจะทำให้ กบข. สามารถเติบได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมทั้ง ยังเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้สมาชิกบรรลุเป้าหมายการมีเงินเพียงพอในวัยเกษียณ และมีชีวิตที่มั่นคงได้อย่างแน่นอน” นางศรีกัญญากล่าว

ปัจจุบัน กบข. มีสมาชิกประมาณ 1 ล้านคน มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 1 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 2563)