แกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน

แกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน

สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีเปิดทำการเพียง 3 วัน โดยปรับตัวลดลง 12.39 จุด หรือ -0.92% เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่เข้าหนุน

ประกอบกับมีปัจจัยกดดันจากการเผยตัวเลข GDP ของสหรัฐในงวด 2/2562 ที่หดตัวต่ำสุดในรอบ 70 ปี ขณะที่วันศุกร์ดัชนีปิดที่ 1,328.53 จุด (+12.79 จุด) Volume 6.1 หมื่นลบ. ต่างชาติ +1,131.58 ลบ. TFEX Net +12,626 สัญญา ตราสารหนี้ +2,340 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 114.67 จุด +0.44% จากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีกำไรสูงเกินคาด แต่มีปัจจัยกดดันจากพรรครีพับลิกัน-เดโมแครตยังตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับมาตรการเยียวยาโควิด-19 ชุดใหม่ ในรอบสัปดาห์ DJIA -0.15% และ+2.39%ในเดือนก.ค.

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 35 เซนต์ +0.9% ปิดที่ 40.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดบวกเล็กน้อย หลังจากผู้ผลิตรายใหญ่ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการผลิต   ในเดือนก.ค. น้ำมันดิบ WTI +2.6%

+สหรัฐเผยดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย.

+ รัฐบาลสหรัฐบรรลุข้อตกลงซื้อวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดส

-ความสัมพันธ์สหรัฐ-จีนตึงเครียดขึ้นอีกจากที่สหรัฐจะประกาศมาตรการใหม่เพื่อจัดการกับบริษัทซอฟต์แวร์จีน

+สภาพัฒน์ เตรียมชงครม.ต้นส.ค.เห็นชอบโครงการเงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบสอง

-ฟิทช์ เรทติ้ง ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของสหรัฐลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" จากยอดขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้น

-จีนเปิดเผยผลกำไรภาคการผลิตรถยนต์ร่วง 20.7% ในช่วงครึ่งปีแรกจากยอดผลิตลดลง 16.8%yoy และยอดขายลดลง 16.9%yoy

-ธปท.ระบุเศรษฐกิจ Q2/63 ดิ่งลึกสุดมากกว่า -12.5% แต่เห็นทิศทางเริ่มฟื้น คาดกลับสู่ปกติในปี 65

+/-เหยื่อ"โควิด-19"ทั่วโลก-ตายเกือบ 6.9 แสนราย ติดเชื้อ 1.8 ล้านรายในไทยไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มภายในประเทศ

+ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดเพิ่มขึ้น 23.18 จุด หรือ +0.71%

-ดัชนีนิกเกอิปิด -629.23 จุด -2.82% เช้าเปิด +237.58 จุด ตาม DJIA-เยนอ่อน

-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 2.27 แสนลบ. ค่าเงินบาท 31.25 บาท/US

*จับตา ธปท.เผยแพร่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และ การประชุมของกกร. ส่วนสหรัฐเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้าย และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยนัลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการรอบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐในการเยียวยาผลกระทบของโรคโควิด-19 ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามการปรับ ครม.ตู่2/2  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,320-1,340 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

ARROW “ซื้อ” (ราคาเหมาะสม 10.00 บาท)  

  • คาดรายได้จากงวด 2Q20 เท่ากับ 0 ล้านบาท ลดลง -13.5%QoQ และ -16.7%YoY เป็นผลจากการที่บริษัทปรับลดราคาสินค้าเพื่อเร่งยอดขาย และรายได้จากการให้บริการที่ลดลงจากการพยายาม Downsizing ธุรกิจรับเหมาของบริษัทย่อย (MeKa-S) ส่วน Gross Margin น่าจะยืนแถวระดับ 30% ได้เนื่องจากราคาวัตถุดิบเหล็กจากจีน ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ด้าน %SG&A /Sales คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่ระดับ  12% จากนโยบายลดค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิ 2Q20 ที่ระดับ 55.6 ล้านบาท ลดลงจากฐานสูงในไตรมาสก่อน -11.8%QoQ และทรงตัวจากงวดเดียวกันของปีก่อน +0.4%YoY โดยคาดผลประกอบการ 1H20 จะคิดเป็น 65% ของประมาณการทั้งปีของเรา
  • เราคาดรายได้ปี 20 ราว 1,7 ล้านบาท ชะลอตัวลง -10.2%YoY จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 และคงประมาณการกำไรสุทธิปี 20 ที่ 182.2 ล้านบาท ลดลง -11.3%YoY โดยแนวโน้มผลประกอบการช่วง 2H20 จะยังอยู่ในทิศทางที่ดี หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง ส่งผลให้การส่งมอบงานเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ประกอบกับคาดว่าการลงทุนของภาครัฐและเอกชนจะเริ่มทยอยกลับมา ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ภายในปีนี้มากกว่า 70% ของมูลค่างานทั้งหมด และยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น บริษัทยังได้ซื้อเครื่องจักรรองรับการผลิตท่อส่งลมชนิดแผ่นโฟม สร้างศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ (แล้วเสร็จไปเมื่อ 30/6/20) และซื้อเครื่องจักรผลิตท่องานก่อสร้างเพื่อการส่งออก (คาดแล้วเสร็จ 30/8/20)

 

กลยุทธ์การลงทุน

  • หุ้น Defensive Stock (ADVANC INTUCH DIF TTW BEM BTS CHG BCH)
  • หุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q20 ดี (WICE TASCO CPF PTT TOP SPRC PTTGC)
  • หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า (KCE SVI HANA DELTA TU TFG)

หุ้นมีข่าว

(-) กรมธุรกิจพลังงานเผยยอดใช้ LPG ในประเทศหดตัวหนัก PTT-SGP หยุดแผนนำเข้าครึ่งปีหลัง ลุ้นดีมานด์ภาคครัวเรือนอุตสาหกรรม-ออโต้ฟื้นตัว ขณะที่ WP คาดยอดขายปีนี้ลดลงแค่ 5% จากปีก่อน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) THAI (Bloomberg Consensus 2.33 บาท)  ลุ้น! ศาลนัดไต่สวน 17 ส.ค.นี้ ชาญศิลป์” มั่นใจ 80% ได้เป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูเอง เหตุคุยกับเจ้าหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศแล้ว ส่วนใหญ่ 70-80% สนับสนุน THAI เชื่อหากได้เป็นผู้ทำแผนจะฟื้นฟูสำเร็จใน 3-5 ปี (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) EA (Bloomberg Consensus 52.38บาท)   เปิดตัว MINE Smart Ferry ฝีมือคนไทย 100% ที่ได้จดทะเบียนเป็นเรือไฟฟ้าลำแรกของไทย พร้อมให้บริการเป็นลำแรกของประเทศเร็วๆ นี้ ลุยต่อทำรถบัสไฟฟ้า โชว์นำ Fast Charger สุดล้ำมาใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าทุกชนิด (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) JKN (Bloomberg Consensus 5.96 บาท) เผยแนวโน้มไตรมาส 2/63 โตดี หนุนครึ่งปีแรกผลงานแจ่ม! ขณะที่ปลื้มนักลงทุนรายใหญ่-สถาบันแห่ซื้อหุ้นกู้วงเงิน 400 ล้านบาทหมดเกลี้ยง คาดเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และการวางแผนรุกทำตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) INET (Bloomberg Consensus - บาท)   ชูบริการ Cloud Solutions ยังเติบโตดี หลายอุตสาหกรรมดีมานด์ใช้เพิ่ม รุกบริการใหม่ ระบบ Paperless และระบบ AI ขณะที่อยูระหว่างศึกษาขยาย Data Center เพิ่มอีกหวังให้เกิดเสถียรภาพสูงสุด ส่วนแผนตั้งกองทรัสต์ (IDCREIT) คาดได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 4/2563 นี้ ประเมินผลงานครึ่งปีหลังดีขึ้น มั่นใจทั้งปีมีรายได้แตะ 1.9 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) DOHOME(Bloomberg Consensus - บาท) รับอานิสงส์งบประมาณภาครัฐ หนุนยอดขายลูกค้าจากหน่วยงานราชการเพิ่ม เผย SSSG เดือนกรกฎาคมเติบโตเพิ่มขึ้น รับผลดีจากการเติบของงานก่อสร้างภาครัฐ และกระแสการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยของเอกชนช่วยดันยอดขาย เดินหน้าขยายสาขาตามแผน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 51.38 บาท) เจาะพื้นฐาน BGRIM เด่น โบรกประสานเสียงเชียร์ คาดการณ์กำไร Q2/2563 ทำนิวไฮแตะ 1 พันล้านบาท รับแรงหนุนจาก High Season โซลาร์ เล็งรับรู้ SPP อ่างทองเต็มไตรมาส ขณะที่การเป็นผู้นำเข้า LNG หนุนธุรกิจมีอัพไซด์เปิดกว้าง มองราคาหุ้นมี Upside เพิ่มเกือบ 28% มองเป็นโอกาสสะสมลงทุนระยะยาว ผลงานเติบโตทุกไตรมาสหลังจากนี้ เคาะเป้าหมาย 62 บาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ASIMAR (Bloomberg Consensus - บาท) โชว์ศักยภาพผลงานต่อเรือ ส่งมอบลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุดสร้างเรือที่รองรับการใช้งานจัดเก็บขยะในทะเลและขจัดคราบน้ำมันด้วยน้ำยาชีวภาพ ให้กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ มูลค่างานรวมกว่า 42 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)