'ปิยบุตร' ซัดรัฐประหารทำการกระจายอำนาจหยุดชะงัก

'ปิยบุตร' ซัดรัฐประหารทำการกระจายอำนาจหยุดชะงัก

“ปิยบุตร” ย้ำ 3 ข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซัดรัฐประหารทำการกระจายอำนาจหยุดชะงัก ขณะที่ “ธนาธร” ชวนชาวสมุทรปราการหันมาใส่ใจการเมืองท้องถิ่น เพื่อการเปลี่ยนแปลง

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 63 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวในช่วงหนึ่งการพูดคุยเรื่อวท้องถิ่น ในเวที “อนาคตเมืองสมุทร ในมือคนสมุทรปราการ” ถึงการแก้รัฐธรรมนูญและการชุมนุมของนักศึกษา ที่ปัจจุบันมีการออกมาชุมนุมและเรียกร้องของนักศึกษาหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย ว่า ปัจจุบันทุกคนเห็นปัญหาร่วมกันว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 มีปัญหาและเป็นอุปสรรคในการบริหารราชการแผ่นดิน มีปัญหาต่อเรื่องเศรษฐกิจและสังคม ตนจึงขอเสนอให้มีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาพร้อมกัน 3 ฉบับ โดยให้ยกเลิกมาตรา 279 ที่เป็นการรับรองคำสั่งของ คสช. ให้ยกเลิก มาตรา 269-272 ที่มีการกล่าวถึง ส.ว. 250 คนตามบทเฉพาะกาล และให้แก้รัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการแก้ที่ในทางปฏิบัติทำได้ยากมาก จากนั้นให้นำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยการต้อง สสร. ขึ้นมาเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งนี้ ตนคาดหวังว่า ส.ส. จะสามารถรวบรวมเสียงได้เพียงพอ เพื่อยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมเข้าสู่สภาได้ทันสมัยประชุมนี้ และขอเรียกร้องประชาชนว่าหากต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง ต้องอย่าหยุดพูด อย่าหยุดเรียกร้อง เพราะตราบใดที่ประชาชนยังเรียกร้องและยังกดดันอยู่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะมีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้น

นอกจากนี้ นายปิยบุตร ยังได้กล่าวถึงเรื่องของกระจายอำนาจ โดยระบุว่า การกระจายอำนาจมีการดำเนินการมาหลายปี โดยเฉพาะในรัฐธรรมนูญปี2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่พูดถึงเรื่องการปกครองท้องถิ่นการกระจายอำนาจที่ก้าวหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่สุดท้ายการกระจายอำนาจต้องหยุดชะงักลงเพราะการรัฐประหารในปี 2549 แต่เมื่อถึงการรัฐประหารปี 2557 นอกจากหยุดชะงักแล้วยังถือว่าเป็นการถอยหลังเข้าคลอง

ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ตนต้องการให้ทักคนได้หันมาสนใจเรื่องของการเมืองท้องถิ่น เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด อีกทั้งการเมืองท้องถิ่นนั้นทุกคนมีสิทธิในการการเลือกตั้งผู้บริหารโดยตรง ไม่เหมือนกับการเมืองระดับชาติที่เป็นการเลือกฝ่ายบริหารทางอ้อม ดังนั้นหากเราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย จะต้องทำทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติไปพร้อมกัน ซึ่งที่ผ่านมาพวกเราไม่ค่อยให้ความสนใจกับการเมืองท้องถิ่น ทำให้บ้านเมืองไม่มีการพัฒนา ทั้งที่ท้องถิ่นมีงบประมาณจำนวนมาก ดังนั้นสิ่งที่คณะก้าวหน้าต้องการคือ การเมืองท้องถิ่นที่แข่งขันกันที่นโยบาย โดยการให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ การสร้างนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ใช่การแข่งขันกันที่นามสกุล หน้าตา หรือเงินทอง ดังนั้นนี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นมานานหลายปีแล้ว