MAJOR - ถือ

MAJOR - ถือ

ประมาณการ 2Q63: รายได้ถูกกดดัน

Event

ประมาณการ 2Q63

lmpact

คาดว่าจะมีผลขาดทุนหลักเพิ่มขึ้น QoQ ใน 2Q63

เราคาดว่า MAJOR จะมีผลขาดทุนหลักใน 2Q63 อยู่ที่ 351 ล้านบาท จากที่มีกำไรหลัก 502 ล้านบาทใน 2Q62 และขาดทุนหลัก 234 ล้านบาทใน 1Q63 โดยปัจจัยที่กดดันผลประกอบการใน 2Q63 คือรายได้ที่คาดว่าจะลดลงเหลือแค่ 99 ล้านบาท (-93% QoQ, -97% YoY) จากการชะลอตัวในทุกกลุ่มธุรกิจเพราะถูกกระทบจากการระบาดของ COVID-19 และการที่รัฐบาลสั่งปิดสถานบันเทิงชั่วคราว ซึ่งรวมถึงโรงภาพยนตร์ด้วย ทั้งนี้เราคาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะลดลง 71% QoQ และ 72% YoY ตามจำนวนพนักงานที่ลดลงไป แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยรายได้ที่ลดลง

ผลประกอบการน่าจะดีขึ้นตั้งแต่ 3Q63 เป็นต้นไป

เราคาดว่าผลประกอบการของ MAJOR จะค่อยๆ กลับมาดีขึ้นตั้งแต่ 3Q63 เป็นต้นไป เนื่องจาก i) มีโปรแกรมหนังเด็ดจ่อคิวลงโรงฉาย อย่างเช่น "Train To Busan: Peninsula" ภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้สูงสุดในการเปิดฉายวันแรกในรอบปี 2563 ในขณะที่ภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ด โดยเฉพาะ "Tenet" และ
"Wonder Woman 1984" ถูกเลื่อนกำหนดฉายไปเป็นเดือนสิงหาคม 2563 และ ตุลาคม 2563 ตามลำดับ และ ii) มีการผ่อนคลายมาตรการการรักษาระยะห่างทางสังคม โดยปัจจุบันไม่ต้องเว้นที่นั่งว่างแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เรายังมองว่าการจะพลิกผลประกอบการเป็นกำไรใน 2H63 เป็นความท้าทาย ทั้งนี้ผล
ประกอบการน่าจะพลิกฟื้นได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2564 เพราะมีโปรแกรมหนังเด็ดจากฮอลลีวู้ดที่เลื่อนฉายจากปีนี้ไปปีหน้า อย่างเช่น "Peter Rabbit 2: The Runaway" "Fast & Furious 9" และ "Mobius" ฯลฯ

เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-64 เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่อ่อนแอใน 1H63

เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-64 ลงเพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่อ่อนแอใน 1H63 ซึ่งเราคาดว่าจะมีผลขาดทุนหลักถึง 585 ล้านบาท ซึ่งแย่กว่าประมาณการผลขาดทุนทั้งปี 2563 ของเราที่ 367 ล้านบาท โดยเราได้ปรับสมมติฐานสำคัญดังต่อไปนี้ i) ปรับลดประมาณการรายได้ปี 2563-64 ลง 27% และ 5% ตามลำดับ เนื่องจากการปรับรายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์และรายได้ค่าโฆษณาลดลง ii) ปรับลดสมมติฐานต้นทุนปี 2563-2564 ลง 19% และ 5% iii) ปรับลดสมมติฐานค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลง 14% และ 13% ซึ่งภายหลังจากการปรับสมมติฐานดังกล่าวแล้ว คาดว่าผลขาดทุนในปี 2563 จะแย่กว่าประมาณการเดิมที่ 367 ล้านบาท เป็น 848 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการกำไรปี 2564 จะลดลงจากประมาณการเดิม 8% เป็น 672 ล้านบาท

Valuation & Action

ภายใต้ประมาณการใหม่ เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2564 ที่ 15.10 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.2%) เรายังคงคำแนะนำ ถือ MAJOR แม้คาดว่าบริษัทจะต้องเผชิญกับช่วงที่ยากลำบาก และไม่มีการจ่ายปันผลในปีนี้ แต่คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2564 และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล
ในปี 2564 อยู่ในระดับที่จูงใจ 5.0%

Risks

รายได้จากธุรกิจโรงภาพยนตร์ต่ำเกินคาด