‘เคบีทีจี’ เร่งแผนยึดผู้นำเทคโนโลยีเออีซี

‘เคบีทีจี’ เร่งแผนยึดผู้นำเทคโนโลยีเออีซี

ปั้นบริษัทผงาดผู้นำเทคโนโลยีอาเซียน เดินหน้าลงทุนในไทย จีน เวียดนาม ปักธงพัฒนานวัตกรรม บุคลากร ขยายตลาดสู่ภูมิภาค พร้อมทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ

นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส–เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวว่า ครึ่งปีหลังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นจะได้เห็นแน่นอนไม่น้อยกว่า 4 ผลิตภัณฑ์ เริ่มทยอยสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงเดือนก.ย.เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ภายใต้เป้าหมายที่ธนาคารกสิกรไทยต้องการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์ระดับภูมิภาคภายใน 5 ปี เคบีทีจีจึงเน้นการทำงานแบบดิจิทัลเฟิร์ส อไจล์ มีการพัฒนาเอพีไอที่สามารถเชื่อมกับต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว

โดย 4 เสาหลัก โฟกัสด้านการพัฒนานวัตกรรม การขยายตลาดสู่ระดับภูมิภาค บุคลากร และทรานส์ฟอร์มธุรกิจธนาคารกสิกรไทยทั้งเครือ กระบวนการขณะนี้อยู่ระหว่างการวางยุทธศาสตร์เพื่อขยายตลาดสู่ระดับภูมิภาค โดยคาดว่าจะเริ่มได้ภายในปีหน้า

“เราวางตำแหน่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี ซึ่งบริหารและดำเนินงานโดยทีมงานคนไทย เน้นการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ รวมถึงทำให้การบริหารจัดการภายในมีความยืดหยุ่นมากที่สุด”

ปัจจุบัน เคบีทีจีมีพนักงานกว่า 1.4 พันคน หากรวมแบบพาร์ทไทม์ 2.5 พันคน สิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มไปแตะ 3 พันคน ปีหน้านอกจากการขยายงานที่ประเทศจีน เตรียมขยายทีมที่เวียดนามด้วย

ด้านงบประมาณการลงทุน หลักๆ อยู่ใน 5 พันล้านบาทที่วางไว้สำหรับการทำอินโนเวชั่นรันเวย์ ส่วนที่ประเทศจีนได้เป็นงบแยก 300 ล้านหยวน ปีหน้าวางแผนว่าจะขยายทีมที่จีนให้ถึง 300 คน ตั้งเป้าว่าจะเข้าไปเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญ ไม่ได้เน้นไปแข่งขัน พร้อมทำหน้าที่สะพานเชื่อมระหว่างจีนกับเออีซี ขณะที่เวียดนามยังไม่อาจเปิดเผยงบการลงทุนได้ แต่จะเพิ่มพนักงานเป็น 100 คน จากปัจจุบันมีอยู่ราว 50 คน

เขากล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ผลักดันให้ต้องเร่งพัฒนาด้านดิจิทัลให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันมีการพัฒนาเทคโนโลยีแพลตฟอร์มเตรียมไว้สำหรับให้บริการหลังวิกฤติหรือเมื่อตลาดมีความพร้อม ทั้งได้นำเอไอและแมชีนเลิร์นนิงมาช่วยจัดการดาต้าเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด

สำหรับเป้าหมายของเคบีทีจีที่ต้องการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี (The Best Technology Organization)ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 3 ปีซึ่งประกาศไว้เมื่อต้นปี 2562 นั้น ขณะนี้เดินทางมาถึง 30% แล้ว ยอมรับว่ามีทั้งที่ทำได้เร็วและล่าช้า โดยที่ทำได้เร็วคือดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ที่ยังช้าเช่น การพัฒนาคน

“จากเฟสแรกที่เราได้เริ่มสร้างรากฐาน มาวันนี้มั่นใจว่ามีความแข็งแรงและอยู่ในตำแหน่งเหนือกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ส่วนเฟสต่อๆ ไปเน้นที่การทรานส์ฟอร์มธุรกิจธนาคารกสิกรไทยสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบทั้งเครือ”