หุ้นสหรัฐฯ-จีน-ฮ่องกงอาจดีกว่าโลก ยังน่าลดน้ำหนักกลุ่มการเงินและหุ้นสนามบิน

หุ้นสหรัฐฯ-จีน-ฮ่องกงอาจดีกว่าโลก ยังน่าลดน้ำหนักกลุ่มการเงินและหุ้นสนามบิน

หุ้นโลกปรับฐานจากการทยอยรายงานผลประกอบการและตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2/63

หุ้นยุโรปปรับตัวลดลง 2-3% จากการทยอยรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศแกนหลักอย่างเยอรมนี ขณะที่สหรัฐฯ ดัชนี DJIA ปรับลดลงกว่า 500 จุด หลังการรายงาน GDP ไตรมาส 2/63 ที่หดตัวแรงสุดเป็นประวัติการณ์ -32.9% ซึ่งแม้จะดีกว่าคาดที่ -34.7% แต่ก็ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค (GDP ติดลบ 2 ไตรมาส ต่อเนื่องกัน) อย่างไรก็ตามตลาดปรับลดช่วงลบลงมาปิดที่ -225 จุด หลังการรายงานผลประกอบการของกลุ่มเทคโนโลยีขาดใหญ่ออกมาดีมากทั้ง Apple (ดีกว่าคาด 26%), Amazon (ดีกว่าคาด 582%), Facebook (ดีกว่าคาด 23%)

เศรษฐกิจ การเมืองในประเทศกดดัน ครม.ใหม่ น่าผิดหวัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยเศรษฐกิจไทย มิ.ย.ปรับดีขึ้นกว่าพ.ค. และประเมิน GDP ปี 2563 ที่ -8.50% ซึ่งเป็นระดับที่แย่กว่าต้มยำกุ้ง -7.6% ขณะที่บรรยากาศการเมืองในประเทศการขยายตัวของม็อบต่อต้านรัฐบาลที่มีจุดเริ่มจากนักศึกษา สร้างแรงกดดันต่อจิตวิทยาการลงทุน นอกจากนี้ข่าวการปรับครม.ใหม่ค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยมีรมว.ด้านเศรษฐกิจมาใหม่เพียงคนเดียว ซึ่งเรามองการรับตำแหน่งดังกล่าวในภาวะเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันค่อนข้างมีความท้าทาย เมื่อพิจารณาจากภูมิหลังด้านงานกฎหมายและการควบคุมความเสี่ยง ของคุณปรีดี ดาวฉาย (ว่าที่รองนายกฯ และรมว.คลัง) ขณะที่ตำแหน่งอื่นส่วนใหญ่เป็นการหมุนเวียนตามโควต้าของกลุ่มการเมือง และยังไม่เห็นแนวทางสร้างเอกภาพของครม.เศรษฐกิจ ซึ่งมาจากหลายพรรค ทำให้เรายืนยันมุมมองเป็นกลาง-ลบ ต่อการปรับครม.

หุ้นไทยและหุ้นโลกอาจเคลื่อนไหวด้อยกว่าหุ้นสหรัฐฯ ผลประกอบการของบจ.ทั่วโลกยังค่อนข้างอิงกับทิศทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด ขณะที่ผลประกอบการบจ.สหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีมีลักษณะ “ผู้ชนะกินรวบ” และไม่ผูกกับภาพเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้เราประเมินหุ้นไทยและหุ้นโลก อาจเคลื่อนไหวด้อยกว่า (Underperform) หุ้นสหรัฐฯ ในช่วงประกาศผลประกอบการ ทั้งนี้การเก็งกำไรยังเลือกเน้นเป็นรายตัว ขณะที่แนะนำลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มการเงิน (Finance) และหุ้นสนามบิน (AOT) เนื่องจากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะยังอยู่ในช่วงตกต่ำจนกลางปีหน้า

ภาพรวมกลยุทธ์ กลุ่มเทคโนโลยี อาจทำให้ สหรัฐฯ-จีน-ฮ่องกง เคลื่อนไหวดีกว่าตลาดหุ้นอื่น โมเมนตัมและภาพทางเทคนิคของ SET Index เป็นลบหลังปรับตัวหลุด 1340 จุด ทำให้ความเสี่ยงทางลงในกรณีแย่อยู่ที่ 1260-1280 จุด  // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร CPF, VNT* / ขายชอร์ต SAWAD (เป้า 42 ตัดขาดทุน 51.50), MTC (เป้า 45 ตัดขาดทุน 50.50), AOT (เป้า 45 ตัดขาดทุน 54.25)

แนวรับ 1,300 จุด / แนวต้าน : 1,330 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

ฮ่องกงและจีนเพิ่มดัชนีหุ้นเทคโนโลยี – โดยเพิ่มดัชนีหุ้น HSTECH และ STAR50 เมื่อจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดเม็ดงินลงทุนมากขึ้น อย่างไรก็ตามเรามองเป็นความเสี่ยงที่น้ำหนักหุ้นจีนและฮ่องกงเพิ่มขึ้น แต่ประเทศอื่นอาจถูกปรับลดน้ำหนักการลงทุนลง

ADVANC - ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินการแก้พ.ร.บ.พิกัดภาษีสรรพสามิตไม่ชอบ และตัดสินลงโทษจำคุกทักษิณ ชินวัตร 5 ปี สำหรับ ADVACN คดีดังกล่าวศาลปกครองกลางยกฟ้อง และอยู่ระหว่างพิจารณาโดยศาลปกครองสูงสุด

KBANK - คณะกรรมการบริษัท มีมติให้ขายหุ้นที่ซื้อคืน (treasury stock) ในช่วงที่ผ่านมา จำนวน 23,932,600 หุ้น ผ่านตลาดหลักทรัพย์ โดยมีระยะเวลา 31 ส.ค.-16 ก.ย.63

นกแอร์ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ - ต่อศาลล้มละลายกลาง เนื่องจากสถานะปัจจุบัน มีหนี้สิน 2.6 หมื่นล้านบาท มากกว่าทรัพย์สินที่มีอยู่ 2.3 หมื่นล้านบาท โดยศาลฯ นัดไต่สวนคำร้อง 27 ต.ค.63

ระวางเรือ - ดัชนี BDI ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,348.00 จุด เพิ่มขึ้น 31.00 จุด, +2.35%

ประเด็นติดตาม: 3 ส.ค. – US manufacturing PMI เดือน ก.ค., 5 ส.ค. ตัวเลขเงินเฟ้อไทย เดือน ก.ค. / China manufacturing PMI เดือน ก.ค. / ประชุม กนง.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)