Report & Corporate News (31 ก.ค.63)

Report & Corporate News (31 ก.ค.63)

PROPERTY - Market Weight, PTTEP - ขาย, AMATA - ซื้อ, IVL - ซื้อ, AOT คาดว่าในงวดปี 62/63 จะไม่ขาดทุน

PROPERTY - Market Weight

เราประเมินกำไรสุทธิของกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะรายงานที่ 3.9 พันล้านบาท (-19% yoy, -10% qoq) ในไตรมาสที่ 2/2020 ถูกกดดันโดยผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ทั้งนี้ แม้เราคาดผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาสที่ 2/2020 แต่เราเชื่อว่ากำไรสุทธิของกลุ่มฯ จะถึงจุดต่ำสุดใน ไตรมาสที่ 2/2020 และควรเห็นการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสที่ 3/2020 เราคงน้ำหนักการลงทุน Market Weight และเลือก AP และ LH เป็น Top pick

PTTEP  SELL

TP: Bt 75.00

PTTEP รายงานกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/2020 ต่ำกว่าคาด จากเหตุผลหลัก คือ ผลกระทบจากการด้อยค่าของโครงการ Mariana Oil Sands อย่างไรก็ตาม หากพิจารณากำไรปกติ ก็ยังพบว่าหดตัวทั้ง qoq และ yoy ใกล้เคียงคาด ซึ่งถูกกดดันจากความต้องการใช้ก๊าซที่ลดลงของ PTT และราคาต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลดลง ทั้งนี้ เราคาดกำไรปกติช่วง 2H20 มีแนวโน้มหดตัวลงจากราคาต่ำหน่วยของก๊าซที่ลดลง เราคงคำแนะนำขาย ราคาเป้าหมาย 75 บาท โดยแนะนำ PTT และ PTTGC เป็นตัวเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจกว่า เพราะคาดเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวในช่วง 2H20

AMATA  BUY

TP: Bt 20.40

AMATA ประกาศแผนเพิ่มทุนผ่าน right offering (อัตราส่วน 12.86 หุ้นเก่า : 1 หุ้นใหม่) เราคาด AMATA จะได้รับเงินทุนเพิ่มเติมอีกราว 1 พันล้านบาท จากแผนดังกล่าว และเงินทุนจำนวนนี้ จะถูกนำไปใช้เพื่อการพัฒนาที่ดินในพม่าเป็นหลัก ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนกำไรจากโครงการในพม่ายังต่ำ ดังนั้น กำไรต่อหุ้นของ AMATA มีแนวโน้มที่จะถูก Dilute ลง 7% ในปี 2021 จากผลของ right offering คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 20.40 บาท

IVL  BUY

TP: Bt 32.00

เราคาด IVL จะรายงานกำไรปกติในวันที่ 13 ส.ค. 2020 โดยเราคาดผลขาดทุนสุทธิที่ 103 ล้านบาท จากการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือ 2.5 พันล้านบาท และ EBITDA margin ที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม เราคาดความต้องการ MTBE จะปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของธุรกิจไฟเบอร์สำหรับการผลักดัน IVL ให้มีผลกำไรสุทธิตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2020 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เราเชื่อว่าที่ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในจุดที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 32.00 บาท

PTTEP

คาดการณ์ปริมาณการขายเฉลี่ยของไตรมาส 3/63 และทั้งปี 63 จะอยู่ที่ประมาณ 340,000 และ 355,000 บาร์เรล/วัน ตามลำดับ ซึ่งลดลงจากปริมาณการขายเฉลี่ยปี 63 ที่คาดการณ์เดิมประมาณ 9% จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการพลังงานลดลง ประกอบกับมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อใช้ในประเทศเพิ่มขึ้นจากการที่ราคา Spot LNG ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติของบริษัทเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติระยะยาวที่มีการกำหนดปริมาณขั้นต่ำในการรับก๊าซไว้ล่วงหน้าตามสัญญา (DCQ) (อินโฟเควสท์)

AOT

บริษัทคาดว่าผลประกอบการในงวดปี 64 (ต.ค.63-ก.ย.64) มีความเสี่ยงที่จะขาดทุน หลังจากช่วง 4 เดือนแรก (ต.ค.63- ม.ค.64) ซึ่งปกติเป็นช่วงไฮซีซั่น มีแนวโน้มที่จำนวนผู้โดยสารจะลดลงมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับงวดปี 63 บริษัทมีผลประกอบการที่ดีในช่วงเวลาดังกล่าว จึงคาดว่าในงวดปี 62/63 จะไม่ขาดทุน แม้อีก 8 เดือนที่เหลือจะได้รับผลกระทบก็ตาม (อินโฟเควสท์)