ซีคอนชี้คนกลัวตกงานเบรกสร้างบ้าน

ซีคอนชี้คนกลัวตกงานเบรกสร้างบ้าน

“ซีคอน”เผยครึ่งปีแรกยอดขายพลาดเป้า เหตุพนักงานออฟฟิศชะลอสร้างบ้าน ระดับราคา 2-5 ล้านบาท หวั่นตกงาน หลังโควิดกระทบเศรษฐกิจ

นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีคอน จำกัด กล่าวว่า วิกฤติโควิด-19 ทำให้ทุกอย่างในชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงอย่างคาดไม่ถึง จากความวิตกกังวลในอนาคตที่ไม่แน่นอน และมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้การดำเนินงานครึ่งปีแรกไม่เป็นไปตามเป้า โดยมียอดขาย 500 กว่าล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดขาย 650 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.5% ที่หายไป ขณะที่สัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์เพิ่มเป็น 200 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 160 ล้านบาทเนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานออฟฟิศหรือมนุษย์เงินเดือนชะลอการสร้างบ้านในระดับราคา 2-5 ล้านบาทออกไป เพราะเกิดความไม่มั่นใจในอาชีพการงานหลังโควิดกระทบเศรษฐกิจ เสี่ยงตกงานจึงไม่อยากก่อหนี้ระยะยาว

ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านระดับ 5-10 ล้านบาท ยังคงตัดสินใจสร้างบ้านตามปกติซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทคิดเป็น 48.27% รองลงมา คือ กลุ่มสร้างบ้านระดับราคามากกว่า 3-5 ล้านบาท คิดเป็น 24.15% บ้านในระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป และบ้านในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีจำนวนเท่ากัน คิดเป็น 13.79%

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ชะลอการร่วมทุนกับพันธมิตรในพื้นที่จังหวัดต่างๆที่อยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เช่น ชลบุรี พัทยา ออกไปก่อน รวมถึงสุพรรณบุรี อยุธยา เนื่องจากผลกระทบจากโควิดทำให้พันธมิตรเกิดความไม่มั่นใจในการลงทุน แม้ว่าที่ผ่านมาในแต่ละปีจะมียอดการสร้างจากต่างจังหวัดเฉลี่ย 20 หลังต่อปี คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 10% ของรายได้รวม

นายมนู กล่าวว่า จากการศึกษายังพบว่า การมีบ้านตัวอย่างให้ชมก่อนการตัดสินใจทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับวัสดุ สไตล์การตกแต่งบ้าน ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น สังเกตจากจำนวนลูกค้าที่มาชมบ้านตัวอย่างหลังแรกของซีคอนที่ศูนย์ศรีนครินทร์ ตัดสินใจสร้างถึง 20% จึงถือเป็นช่องทางที่ช่วยสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าที่อยากสร้างบ้านได้เป็นอย่างดี ล่าสุดจึงได้ใช้งบ 10 ล้านบาท ในการทำบ้านตัวอย่างแห่งที่ 2 ที่ ซีคอน ศูนย์งามวงศ์วาน เนื่องจากงามวงศ์วานเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงของฝั่งกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ที่มีหมู่บ้านเก่า ที่ลูกค้าอาจต้องการสร้างบ้านใหม่

สำหรับแผนการทำตลาดครึ่งปีหลัง จะให้ความสำคัญกับกิจกรรมการตลาด 3 กิจกรรมหลัก เพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ในปีนี้ ว่าจะมียอดขาย 1,400 ล้านบาท เท่ากับปี 2562 มาจาก 1.งานบ้านและสวน เดือน ส.ค. 2.งานสมาคมรับสร้างบ้าน และ 3.งานบ้านและสวนช่วงปลายปี รวมทั้งสิ้น 300 ล้านบาท หากไม่เกิดโควิดระบาดระลอก 2 คาดว่า บริษัทจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายหรือถ้าไม่ตามเป้าจะลดลงไม่เกิน 5% ขณะที่ ตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านลดลง 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 11,000 ล้านบาทจากเดิมที่มีมูลค่า 12,000 ล้านบาท