"Thailand Investment" Strategy (30 ก.ค.63)

• What’s new

ในช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้เห็นพัฒนาการของการเมืองภายในทั้งประเทศ โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยและนักเรียนมัธยมปลายได้เริ่มชุมนุมต่อต้านรัฐบาลกันอีกครั้งหลังจากได้หยุดชุมนุมไปในช่วง Covid-19 ตั้งแต่กุมภาพันธ์ โดยมี 3 ประเด็นที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องจากรัฐบาล ได้แก่: 1) ยุบสภา; 2) หยุดคุกคามประชาชน; และ 3) ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้มีแนวโน้มที่จะมีความต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลจะมีการชุมนุมกันในวันนี้ โดยเหตุการณ์เหล่านี้มีผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในช่วง Covid-19

 

• Analysis

ผลตอบแทนของดัชนี SET ที่ต่ำกว่าตลาดโลกในช่วงความไม่สงบทางการเมือง

ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศนั้นส่งผลเสียต่อหุ้น โดยในอดีต 4 ความไม่สงบทางการเมืองในไทย SET index มีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นโลกราว -5% ถึง -14% ส่วนในเหตุการณ์ครั้งนี้เราเชื่อว่าแนวโน้มเชิงลบจาก flash mob ของกลุ่มนักเรียนนั้นยังไม่ได้ถูกรับรู้เข้าไปในตลาดหุ้นไทย เราอาจจะเห็นพัฒนาการของการเมือง หากมีเหตุการณ์เกิดเพิ่มขึ้นในช่วงต้นสิงหาคม

 

เรามองแนวรับ SET index ที่ 1270 เตรียมตัวรับมือเงินทุนไหลออก

เราคาดว่าผลกระทบของความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ จะคล้ายกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในปี 2013-14 ซึ่งเป็นช่วงที่ SET PER valuation นั้นถูกปรับลดราว 1.25-1.50 z-score ในตอนนี้ SET นั้นซื้อขายกันที่ระดับราว +2.7SD ของค่าเฉลี่ย 3 ปี ดังนั้นเราคาดว่าเส้นแนวรับจะอยู่ในระดับ เทียบเท่า +1.25SD หรือ 1270 จุด และจากการวิจัยของเรา เงินทุนต่างชาติมักจะไหลออกในช่วง 4 เดือนแรกของความไม่สงบทางการเมือง ซึ่งสอดคล้องกับช่วงที่ SET มีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก  โดยการไหลออกของเงินทุนอยู่ที่ระดับประมาณ 1.5% ของมูลค่าตลาด SET หรือคิดเป็นราว Bt217b อ้างอิงจากมูลค่าตลาด SET ในวันนี้

 

หุ้นที่อาจต้านทานพายุได้ – โรงพยาบาล, อาหาร และอิเลคโทรนิคส์

จากการศึกษาของเรา กลุ่มหุ้นที่มีผลประโยชน์ขึ้นกับการบริโภคภายในประเทศเพียงเล็กน้อย เช่น กลุ่ม โรงพยาบาล, อาหาร และอิเลคโทรนิคส์ จะสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบเชิงลบจากความไม่แน่นอนภายในประเทศได้ทั้ง ในแง่ของราคาและแนวโน้มผลประกอบการ

 

• Action/ Recommendation

เราแนะนำนักลงทุนให้ตระหนักและระมัดระวังเกี่ยวกับความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย ซึ่งในตอนนี้เราอยู่ในช่วงต้นของรอบความไม่สงบทางการเมืองรอบถัดไปนับตั้งแต่ปี 2014  โดยเราแนะนำหุ้นหลบภัยได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH), อาหาร (CPF, TU) และอิเลคโทรนิค (KCE, HANA) กลุ่มส่งออกก็จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจากเงินทุนไหลออก ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรจากการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน