ผู้นำต้องชัดเจน คดีบอส อยู่วิทยา

ผู้นำต้องชัดเจน คดีบอส อยู่วิทยา

แม้จะมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีบอส อยู่วิทยา แต่คณะกรรมการหยิบประเด็นปฏิรูปตำรวจและระบบยุติธรรม ซึ่งไม่ค่อยตรงประเด็น ดังนั้นผู้นำควรพิจารณาเพิ่มเติมในการให้อำนาจคณะกรรมการเพื่อสามารถหาคนผิด

กรณีสื่อต่างประเทศเสนอข่าวนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทกระทิงแดง หลุดรอดคดีขับรถหรูชนตำรวจ สน.ทองหล่อเสียชีวิต เพราะอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่สั่งฟ้อง นำไปสู่การถอนหมายจับของตำรวจ สื่อมวลชนไทยซึ่งเมินเฉยในคดีดังกล่าวต้องกลับมาให้ความสำคัญในการนำเสนอข่าว กลายเป็นกระแสที่สำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชนทุกหย่อมหญ้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าสำนักอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรจึงรับลูกตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาตรวจสอบในที่สุด

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 225/2563 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน หรือคดีบอส อยู่วิทยา ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือทั้งคณะรวม 10 คน โดยมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานกรรมการ ที่น่าสนใจวางกรอบการทำงานไว้หลักๆ คือหาสาเหตุของปัญหา นำไปเป็นข้อเสนอการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และทำให้ประชาชนมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ

คณะกรรมการชุดนายวิชาหยิบประเด็นปฏิรูปตำรวจและระบบยุติธรรมขึ้นมา ซึ่งไม่ค่อยตรงประเด็น เราเชื่อว่าประชาชนรอได้เรื่องการปฏิรูปตามแผนรัฐบาล ซึ่งรัฐบาล คสช.เคยประกาศเป็นยุทธศาสตร์มาตั้งแต่ปี 2558 ทว่าวันนี้สังคมเรียกร้องให้รัฐบาลหาคนผิดมาลงโทษในคดีบอส อยู่วิทยา หากเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอยู่ในความดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรีหรือพนักงานสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะองค์กรอิสระเกี่ยวข้องหรือมีส่วนทุจริต ทำให้นายวรยุทธพ้นผิด จะต้องรับโทษโดยไม่มีข้อละเว้น

เราเห็นด้วยและขอชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ที่ออกมายืนยันหลังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าในฐานะผู้นำรัฐบาลจะไม่ปล่อยปละละเลย ต้องแก้ปัญหาให้ได้ สังคมไทยต้องมีความยุติธรรมโดยไม่แบ่งชนชั้น อย่างน้อยแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เพิกเฉยต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ปล่อยให้หน่วยงานหลัก คือ สำนักอัยการสูงสุดกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำงานโดยลำพัง แต่เราเห็นว่า กรอบการทำงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ยังไม่ครอบคลุมและเพียงพอกับกระแสเรียกร้องจากสังคมที่ต้องการให้จัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ตรงประเด็น

เราเชื่อว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวขึ้นมา เพื่อซื้อเวลาหรือฟอกขาว ดังนั้นขอเรียกร้องให้ผู้นำพิจารณาเพิ่มเติมในการให้อำนาจคณะกรรมการเพื่อสามารถหาคนผิดหรือลงโทษคนชั่ว ให้เป็นคดีประวัติศาสตร์ ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ชนรุ่นหลังจะได้สรรเสริญ การใช้โอกาสนี้ชำระสะสางความอยุติธรรม ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงกระบวนการยุติธรรมให้เป็นที่ยอมรับของคนในประเทศ ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่วันนี้เริ่มลังเล หากจะต้องมาลงทุนในไทย ภายใต้ระบบยุติธรรมแบบบอส บอส