ไร้แรงลุ้นกำไรปตท.สผ. คาดทรุดหนักตามราคาน้ำมัน

ไร้แรงลุ้นกำไรปตท.สผ.  คาดทรุดหนักตามราคาน้ำมัน

แทบไม่ต้องลุ้นกันเลยสำหรับหุ้นกลุ่มคอมมูนิตี้ เช่น น้ำมัน ว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 2 ปี 2563 และในรอบครึ่งปี 2563 จะออกมาทรุด

เนื่องจากเป็นช่วงที่หลายประเทศห้ามประชาชนเดินทางเข้าออกนอกประเทศ และยังเจอมาตรการล็อกดาวน์ ไปอีกจากการแพรระบาดไวรัสโควิด -19 จนทำให้การเดินทางแทบไม่มีเพราะต้องกักตัวอยู่ภายในที่พักอาศัย

ขณะเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าวราคาน้ำมันยังเผชิญปัจจัยลบที่ไม่คาดฝันจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก หรือ โอเปก (OPEC) ที่หันมาเล่นทำสงครามราคากันเอง ระหว่าง พี่ใหญ่ในกลุ่ม ซาอุดิอาราเบีย และยักษ์ใหญ่จาก นอนโอเปค รัสเซีย จนส่งผลทำให้ราคาน้ำลงไปทำราคาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ราคาน้ำมันในช่วงเดือนมี.ค. สัญญาราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าในตลาด เบรนท์ ( BRENT) ร่วงต่ำลง 11.81 ดอลลาร์ หรือ 26% อยู่ที่ราคา 33.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากก่อนหน้าร่วงลงไปอยู่ที่ 31.02% ซึ่งถือเป็นราคาต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. 2559

สาเหตุมาจากซาอุฯ ไม่สามารถตกลงเจรจาลดกำลังผลิตลงได้ จึงทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาแทนถึง 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน และให้บริษัท ซาอุดิ อารามโค ปรับราคาขายปลีกลงจนส่งผลกระทบเป็นโดมิโน่หลังจากออกมาประกาศดังกล่าว

กระทั่งในเดือน เม.ย. วิฤติราคาน้ำมันยังเขย่าตลาดต่อเนื่องเมื่อผลจากประเด็น ดังล่าวทำให้เฮจฟันด์ที่ถือลงทุนในสัญญาน้ำมันเทขายลงทุนออกมาแม้จะเป็นการขายแบบขาดทุนก็ยอม เพราะไม่ต้องการรับมอบน้ำมันจริง บวกกับคลังน้ำมันทั่วโลกมีปริมาณล้นจนไม่มีที่เก็บ

ดังนั้นราคาน้ำมันดิบส่งมอบ เดือนพ.ค. ลงมาติดลบเป็นครั้งแรก ซึ่งราคาในตลาดเวสต์เท็กซัส (WTI)ปรับลดลง 11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 21 ปี และราคาในตลาด NYMEX ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุด ราคาน้ำมันลงมาติดลบเป็นครั้งแรกอยู่ที่ -37.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เพียงแค่ 2 ปัจจัยดังกล่าวก็เพียงพอที่จะส่งผลกระทบทำให้ราคามันดิบผันผวน (อย่างหนัก) จนหลีกเลี่ยงที่จะกระทบธุรกิจต้นน้ำ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ไม่ได้

สิ่งแรกที่ PTTEP เริ่มจัดการก่อนคือแผนธุรกิจ หันมาเพิ่มพอร์ตธุรกิจก๊าซธรรมชาติเป็น 80% จาก 70% ส่วนพอร์ตน้ำมันจะปรับลดลงเหลือ 20% จาก 30 % และบริหารความเสี่ยงด้านราคาอย่างใกล้ชิด หลังจากประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันแล้วประมาณ 40% ของวอลุ่ม เพื่อลดความผันผวนของสถานการณ์ราคา เทียบกับปี 2562 ที่ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันราว 80% ของวอลุ่ม

ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่วงดังกล่าว จะมีผลต่อบริษัทซึ่งยอดขายประมาณการณ์น่าจะลดลง 7-10%  ปรับแผนการลงทุนและปรับลดค่าใช้จ่ายลงทุน 15-20% ตลอดจนทบทวนแผนงานและเลื่อนการเจาะสำรวจบางโครงการออกไป และทบทวนแผนผลิตบางโครการเพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุนได้

ภาพดังกล่าวทำให้โบรกเกอร์ทุกค่ายต่างให้กำไรไตรมาส 2 ปี 2563 ทรุดลงถ้วนหน้า และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ PTTEP มีกำไรสูงถึง 13,684 ล้านบาท ซึ่งรับรู้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นตามจากปริมาณการขายเฉลี่ยและราคาขายเฉลี่ย รวมทั้งรับรู้รายการผลประโยชน์ทางภาษีก้อนใหญ่เข้ามา

หากในไตรมาสที่จะประกาศตัวเลขคาดการณ์กำไรสุทธิลดลงในระดับมากถึง 60 % เพราะเจอทั้งยอดขายก๊าซปิโตรเลียม น้ำมันที่ลดลงอย่างชัดเจน ข้อดีคือบริษัทสามารถรักษาต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยไว้ได้

ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันยังไม่ฟื้นเต็มที เพราะการระบาดทวีความรุนแรงในต่างประเทศ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อความต้องการเดินทางลดน้อยลง จึงทำให้ราคาน้ำมันตลอดทั้งปี 2563 ทรงตัว 40-45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลทำให้แนวโน้มธุรกิจ PTTEP ยังอยู่ในช่วงขาลงตามไปด้วย