SCCโค้ง2กำไรสุทธิพุ่ง33% พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล5.50บาท/หุ้น

SCCโค้ง2กำไรสุทธิพุ่ง33% พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล5.50บาท/หุ้น

SCC ไตรมาส2กำไรสุทธิ 9,383.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,043. 16 ล้านบาท เหตุ ธุรกิจหลักมีผลดำเนินงานดีขึ้นหลังปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต บอร์ดไฟเขียวปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรก63 หุ้นละ 5.50 บาท กำหนดจ่าย 28ส.ค.

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)หรือ SCC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส2ปี 2563 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 9,383.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,043. 16 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงานของธุรกิจหลักที่ดีขึ้น จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการจัดการ การบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจSCC มี EBITDA from OperationsและEBITDAเพิ่มขึ้้น 23% และ 11% ตามลำดับ ขณะที่รายได้จากการขายลดลง 12% สาเหตุหลักจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง

สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2563 มีกำไรสุทธิ 16,355 ล้านบาท ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18,705.55 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลงในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 โดยมีEBITDA เท่ากับ 37,388 ล้านบาท ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขายเท่ากับ 201,751 ล้านบาท ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง

ทั้งนี้โครงสร้างทางการเงินSCCมีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2563เท่ากับ 88,628 ล้านบาท ขณะที่ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2563อยู่ที่ 84,333 ล้านบาท โดยมีเงินทุนหมุนเวียนสุทธิ 68,595 ล้านบาท ลดลง 2,303ล้านบาท หรือ 3% จากไตรมาสก่อน โดยมีอัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือต่อยอดขายเท่ากับ
48 วัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเทียบกับไตรมาสก่อน (ไตรมาส1/63) ซึ่งอยู่ที่ 46 วัน
ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 5.50 บาท รวมเป็นเงิน 6,600 ล้านบาท กำหนดจ่ายวันที่ 28 ส.ค. 2563 กำหนดวันที่ XD ในวันที่ 13 ส.ค.2563

ส่วนรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 มีมูลค่าการลงทุนเท่ากับ22,193 ล้ านบาท แบ่งเป็นลงทุนธุรกิจเคมิคอลส์ 59% ธุรกิจแพคเกจจิ้ง 19% ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 17% และอื่นๆ 5% โดยคาดการณ์ว่ารายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนของทั้งปี 2563จะอยู่ที่ประมาณ 55,000 ถึง65,000 ล้านบาท โดยประมาณ 50% จะเป็นการใช้เพื่อก่อสร้างโครงการปิโตรเคมีที่เวียดนาม