คุณเป็นนักลงทุน 'ทอง' สายไหน ทำกำไรยังไงได้บ้าง?

คุณเป็นนักลงทุน 'ทอง' สายไหน ทำกำไรยังไงได้บ้าง?

ราคา "ทองคำ" พุ่งเฉียด 3 หมื่นบาท เป็นโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างของ "ราคาทอง" แต่การลงทุนทอง มีมากกว่าการซื้อมาขายไป ส่องโอกาสทำไรจากทองคำตามสไตล์ของคุณ

ราคา "ทองคำ" เข้าใกล้บาทละ 3 หมื่น เข้าไปทุกที เล่นเอาให้นักลงทุนทองคำทั้งรายเล็กรายใหญ่ใจเต้นรัว เตรียมทำกำไรจากส่วนต่างราคาในช่วงนี้

โดยราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% วันอังคารที่ 4 สิงหาคม 2563 (ประกาศครั้งที่ 1)

ราคาทองคํารูปพรรณ ขายออกบาทละ 29,550 บาท รับซื้อบาทละ 28,425 บาท

ราคาทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 29,050 บาท รับซื้อบาทละ 28,950 บาท

ทว่าการลงทุนในทองคำ ไม่ได้มีแค่การทำกำไรจากส่วนต่างราคาเท่านั้น แต่ยังมีการลงทุนสไตล์อื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุน "ทองคำ" อีกหลายรูปแบบ ที่มีรายละเอียดและผลตอบแทนที่แตกต่างกันออกไป

"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" พาไปดูเส้นทางลงทุน "ทองคำ" 2 สไตล์ เป็นทางเลือกในการลงทุนทองคำช่วงต่างๆ ดังนี้

159602404818

 สายเทรด เน้นกำไรระยะสั้น 

  • ซื้อมาขายไป ทำกำไรจากส่วนต่าง

เมื่อพูดถึงการลงทุนทองคำการลงทุนแบบแรกๆ ที่นึกถึง เป็นรูปแบบการลงทุนทองคำสุดคลาสสิก คือการ "ซื้อมาขายไป" และรับกำไรของส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้นจากการซื้อขาย ที่ทำได้ทั้ง "ทองแท่ง" และ "ทองรูปพรรณ"

ปัจจุบันเราสามารถซื้อขายทองได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงหน้าร้านทองให้เมื่อย ทั้งช่องทางการซื้อขายทองออนไลน์ของร้านทองชั้นนำต่างๆ ทำออกมา

ข้อควรระวังของการลงทุนทองคำโดยตรง

การลงทุนในทองคำแท่งนั้น มีเรื่องที่นักลงทุนต้องคำนึงถึงหลายประการก่อนตัดสินใจลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาทองคำที่มีความผันผวน หรือเรื่องของการเก็บรักษา โดยเฉพาะทองคำแท่งหรือรูปพรรณที่เก็บไว้ เพราะการซื้อทองคำไม่เหมือนการซื้อหุ้นเนื่องจากเป็นการครอบครองทองคำจริงๆ ที่ไม่ได้มีการระบุกรรมสิทธิ์ จึงมีความเสี่ยงจากการถูกลักขโมยและนำไปขายต่อ ขณะที่การขายก็ต้องคำนึงถึงส่วนต่างระหว่างราคาซื้อขายด้วยเช่นกัน

  • Gold Futures ซื้อขายล่วงหน้ารวดเร็วทันใจ

Gold Futures (โกลด์ฟิวเจอร์ส) เป็นเครื่องมือที่ผู้ลงทุนสามารถใช้ทำกำไรได้ตามความคาดการณ์ที่มีต่อราคาทองคำได้ทั้งในภาวะราคาทองขาขึ้น และราคาทองขาลง ด้วยคุณลักษณะเด่นที่สามารถซื้อก่อนขายหรือขายก่อนซื้อก็ได้ และใช้เงินลงทุนน้อย ประกอบกับทั้งราคาทองคำมีการเคลื่อนไหวที่ไม่สัมพันธ์กับราคาหุ้น โกลด์ฟิวเจอร์ส จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการทำกำไรและกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน

โดยตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเปิดซื้อขาย Gold Futures 2 ประเภท ได้แก่ 50 Baht Gold Futures และ 10 Baht Gold Futures ซึ่ง ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส ได้ผ่านระบบซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์ของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX)

159602407748

ข้อควรระวังของการลงทุน Gold Futures

ไม่เหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ: แม้ Gold Futures จะใช้เงินทุนน้อย เนื่องจากไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินทั้งจำนวนในการซื้อขาย ลงทุนวางเงินประกัน 1 ใน 10 ของมูลค่าสัญญา ดังนั้น เมื่อผู้ลงทุนได้กำไรจะได้อัตราส่วนที่สูง เมื่อเทียบกับเงินลงทุน ในขณะเดียวกันหากขาดทุนก็จะเป็นอัตราส่วนที่สูงเช่นเดียวกัน 

การเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ และอัตราแลกเปลี่ยน: ผู้ลงทุนควรคำนึงในการซื้อขาย โดยปกติแล้วราคาทองคำจะเคลื่อนไหวสวนทางกับอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้ลงทุนควรติดตามในการซื้อขาย

มีอายุจำกัด: หุ้นและทองคำจริงที่ไม่มีวันหมดอายุ แต่ Gold Futures มีวันหมดอายุ หากผู้ลงทุนถือ Gold Futures ไปจนถึงวันครบอายุสัญญา ก็จะมีการปิดสถานะของสัญญาณให้ผู้ลงทุนอัตโนมัติ โดยผู้ลงทุนจะได้กำไรขาดทุนจากส่วนต่างของราคาที่ซื้อขายตอนต้น และราคา ณ วันที่สัญญาหมดอายุ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงควรรู้จักกับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ก่อนตัดสินใจลงทุน และควรติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

 สายใจเย็น เน้นถือระยะยาว 

  • กองทุนรวมทองคำ ซื้อน้อย ถือยาวแต่ความเสี่ยงสูง

"กองทุนรวมทองคำ" หรือ "Gold Fund" เป็นอีกทางเลือกในการลงทุนทองคำ ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ รูปแบบในการลงทุนที่มีให้เลือกหลากหลายมากกว่าการลงทุนโดยตรง และมีใช้จำนวนเงินเริ่มต้นลงทุนที่น้อยกว่า

กองทุนรวมทองคำ คือ การลงทุนในกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในทองคำ การเคลื่อนไหวของมูลค่าหน่วยลงทุนจะเป็นไปตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก เปรียบเสมือนลงทุนในทองคำแท่งทางอ้อมผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ ซึ่งจะนำเงินไปลงทุนในทองคำแท่ง 99.99% หรือ 99.50% อีกทอดหนึ่ง มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมจึงไม่ได้ขึ้นลงตามราคาทองคำในประเทศ แต่จะอิงกับราคาทองคำโลก 

ข้อควรระวังของการลงทุนกองทุนรวมทองคำ 

การที่กองทุนนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนมาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ดังนั้น กองทุนที่เน้นการลงทุนกองทุนเพียงอย่างเดียว จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก ส่วนใหญ่อยู่ในระดับความเสี่ยงที่ 8 ซึ่งไม่เหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ

  • ออมทอง ค่อยๆ ซื้อ กระจายการลงทุนที่หลากหลาย

"ออมทอง" ฟังดูเหมือนเป็นแค่การสะสมทองคำเหมือนกับการออมเงิน แต่ความเป็นจริงแล้วการออมทองมีลักษณะกึ่งลงทุน เนื่องจากราคาทองสามารถผันแปรไปได้เรื่อยๆ ตามสภาวะตลาด

จุดเด่นของการออมทอง คือการทยอยสะสมทองคำทีละเล็กทีละน้อยในระยะยาว ผ่านการซื้อหน่วยทองคำที่ร้านขายทองเปิดขาย เพื่อสะสมให้กลายเป็นทองคำเต็มจำนวน 

เช่น ซื้อทองครั้งละ 1,000 บาททุกๆ เดือน เมื่อซื้อครบ 20 ครั้ง รวมเป็นเงิน 20,000 บาท เท่ากับทอง 1 บาท สามารถนำทองออกมาไว้เป็นทรัพย์สินได้ หรือขายคืนทองเอาเงินออกมาก็แล้วแต่เป้าหมายของแต่ละคน

ข้อควรระวังของการออมทอง

ราคาทองคำมีความผันผวนตามสถานการณ์

 อย่าเอาไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน! 

อย่างไรก็ตามการลงทุนในทอง ก็คือการลงทุน ที่ย่อมมีความเสี่ยง "Don’t put all your eggs in one basket" หรือ "อย่าเอาไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน" ซึ่งเปรียบเปรยไข่เหมือนกับสินทรัพย์ของนักลงทุน เปรียบตะกร้าเหมือนกับสินทรัพย์ที่ลงทุน

ถ้าเราวางไข่ 100 ฟอง ในตะกร้าใบเดียว หรือลงทุนในสินทรัพย์เดียว อาจจะหนักจนถือไม่ไหว มีโอกาสที่ตะกร้าจะร่วงแตกทั้งหมด เช่นกันกับการลงทุนที่ไม่กระจายความเสี่ยง ถือหุ้นบริษัทเดียว หรือลงทุนในสินทรัพย์เดียวเต็ม 100% ย่อมมีโอกาสพลาดพลั้งมากกว่านั่นเอง และที่ลืมไปไม่ได้คือ "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนการลงทุน"

แม้ทองคำจะยังถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แม้แต่ในวิกฤติ แต่การลงทุนมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ก่อนลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนการลงทุนอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุน กำลังทรัพย์ของตัวเองได้อย่างเหมาะสม