'เทพไท' เตือน ระวังการเมืองซ้ำรอย 6 ตุลา ขอทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน หาทางออกด้วยสันติวิธี

'เทพไท' เตือน ระวังการเมืองซ้ำรอย 6 ตุลา ขอทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน หาทางออกด้วยสันติวิธี

"เทพไท" เตือน ระวังการเมืองซ้ำรอย 6 ตุลา ขอทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน หาทางออกของบ้านเมืองด้วยสันติวิธี ป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย และสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างยับเยิน

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 63 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีการชุมนุมของนิสิตนักศึกษา ที่กำลังขยายตัวกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคและทุกจังหวัด ว่า จากการที่มีการจัดการชุมนุมอย่างต่อเนื่องในรูปแบบการชุมนุมที่หลากหลาย ทำให้เป็นที่สนใจ และมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมเพิ่มจำนวนขึ้น ขยายจุดชุมนุมมากยิ่งขึ้น สามารถเรียกได้ว่า ม็อบจุดติดแล้วและกำลังมีบางฝ่ายกำลังหาจุดอ่อนการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำประเด็นการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของการชุมนุมของนักศึกษามาทุกยุคทุกสมัย นับตั้งแต่เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 19 ที่มีการแต่งภาพใบหน้าของตัวละครล้อการเมือง เหมือนองค์รัชทายาท แล้วปลุกระดม จนนำไปสู่การล้อมปราบเข่นฆ่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกลางท้องสนามหลวง จนเกิดโศกฏกรรมกลางเมือง 

“ในวันนี้ขบวนการนักศึกษาก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว และมีบทบาททางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ก็มีความพยายามหยิบยกเรื่องการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง มาเป็นจุดโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือ ของการชุมนุมของนักศึกษาในครั้งนี้ด้วยและในขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีการ เคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาอาชีวะภายใต้ชื่อกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ รวมพลังปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดตั้งม็อบชนม็อบเหมือนกับในอดีตหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 ที่มีการจัดตั้งกลุ่มกระทิงแดง และศูนย์กลางนักเรียนอาชีวะเพื่อค้านอำนาจการเคลื่อนไหวกับกลุ่มศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากมีบุคคลบางกลุ่ม หรือบางฝ่ายยังคิดใช้วิชามารและวิธีการเดิมๆในลักษณะเกลือจิ้มเกลือ จัดตั้งกลุ่มนักศึกษาเพื่อให้ปะทะกัน ขัดแย้งกัน ถึงขั้นที่คนไทยต้องฆ่ากันเอง อย่าให้ประวัติศาสตร์ 6 ตุลา 19 ต้องกลับมาซ้ำรอยอีก” นายเทพไท กล่าว

นายเทพไท กล่าวว่า อยากจะเรียกร้องมายังกลุ่มนักศึกษาให้หลีกเลี่ยงประเด็นการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงในการชุมนุม และผู้มีอำนาจบางกลุ่มหยุดใช้วิธีสร้างสถานการณ์รูปแบบเดิมๆ จัดตั้งมวลชนขึ้นมาเคลื่อนไหวในลักษณะม็อบชนม็อบ จนเกิดความวุ่นวายของบ้านเมือง และจะนำไปสู่ข้ออ้างในการรัฐประหาร ยึดอำนาจซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ร่วมกันแก้ปัญหา หาทางออกของบ้านเมือง ด้วยสันติวิธี เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย และสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างยับเยิน