เปิดคำสั่ง นายกฯ สอบคดี 'บอส อยู่วิทยา'
เปิดคำสั่ง "นายกรัฐมนตรี" ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดี "บอส อยู่วิทยา"
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดี นายบอส อยู่วิทยา โดยระบุว่า...
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 225/2563
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
ตามที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ปฏิบัติหน้าที่จนเป็นหตุให้เสียชีวิต เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555 พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาหลายข้อหาและผู้ต้องหาหลบหนีการดำเนินคดี ต่อมาคดีบางข้อหาได้ขาดอายุความ ในส่วนข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องและฝ่ายตำรวจไม่มีความห็นแย้ง คำสั่งไม่ฟ้องจึงมีผลเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่ไม่ตัดสิทธิของผู้เสียหายซึ่งรวมถึงบุพการี บุตร และคู่สมรสที่จะฟ้องคดีเอง และขอทราบสรุปพยานหลักฐานพร้อมทั้งความห็นในการสั่งคดี หรืออาจขอดำเนินคดีใหม่ เมื่อได้พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี หรือขอความเป็นธรรมและความช่วยเหลือจากรัฐ
โดยที่คดีนี้อยู่ในความรับรู้และสนใจของประชาชนต่อเนื่องมาโดยตลอดนับแต่เกิดเหตุเมื่อ พ.ศ.2555 เมื่อปรากฏผลการสั่งคดีอันเป็นขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรมชั้นตั้นก่อนมีคำพิพากษาของศาลเช่นนี้ จึงเกิดการวิพากษ์วิจรณ์ทางสื่อและสังคมทั่วไปอย่างกว้างขวาง ถือเป็นความอ่อนไหวกระทบกระเทือนความเชื่อมั่นในองค์กร เจ้าหน้าที่ และกระบวนการยุติธรรรม แม้ในส่วนของการใช้ดุลยพินิจและการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงนอัการย่อมมีอิสระในการสั่งคดีตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายโดยไม่อยู่ในการบังคับบัญชาของฝ้ายบริหาร และแม้พนักงานสอบสวนจะอยู่ในการตรวจสอบตามกฎหมายและระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ตาม แต่กรณีนี้มีเหตุพิเศษที่สังคมควรมีโอกาสทราบในส่วนของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตลอดจนพฤติการณ์และบุคคลผู้เกี่ยวข้องเพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งหากมีส่วนใดที่ควรปรับปรุงแก้ไขให้การบังคับใช้กฎหมายและการพัฒนากระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพเป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ จะได้นำมาเป็นกรณีศึกษาเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปโดยเร่งด่วนต่อไป
ข้อ 1 ให้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฏหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาข้อ 1 ให้มีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฏหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ประกอบด้วย
- ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ประธานกรรมการ
- ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ
- เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กรรมการ
- ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย กรรมการ
- ประธานคณะกรรมกรปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กรรมการ
- นายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย กรรมการ
- คณบดีคณะนิติตาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการ
- คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรรมการ
- คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรรมการ
- ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ย.ป. กรรมการและเลขานุการ กรรมการ
ตาม (4) และ (5) อาจมอบหมายกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านนั้นๆ ซึ่งไม่มีส่วนได้เสียในคดีเข้าร่วมประชุมแทนได้ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการได้มีจำนวนไม่เกินห้าคน
ข้อ 2 คดีอญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนตามคำสั่งนี้ หมายถึงคดีตามข้อเท็จจริง
ข้อ 3 คณะกรรมการตาม ข้อ 1 มีหน้าที่และอำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในคดีตามข้อ 2 และเสนอแนะแนวทางเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือวิธีปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เพื่อประโยชน์ในด้านการพัฒนาองค์ความรู้ การปฏิบัติหน้าที่ และการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรรม ตลอดจนเสนอข้อแนะนำอื่นใดโดยไม่ก้าวล่วงหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ในคดีดังกล่าว แล้วรายงานนายกรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ แต่หากนายกรัฐนตรีเห็นว่าข้อเสนอแนะในการปฏิรูปยังไม่แล้วเสร็จ อาจให้ขยายระยะเวลาอีกได้ ทั้งนี้ ให้คณะกรมการรายงานเบื้องตันต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะทุกสิบวัน
เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการมีอำนาจเชิญหรือประสานขความร่วมมือหรือขอเอกสารต่างๆ จากเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบ สอบถามหรือขอความเห็น และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความร่วมมือแก่คณะกรรมการคณะกรรมการอาจรับฟังความเห็น ข้อเสนอแนะ และพิจารณาเรื่องร้องเรียนในคดีนี้จากประชาชนได้ที่กล่าวถึงข้างต้น
ข้อ 4 ให้คณะกรรมการตามข้อ 1 และผู้ช่วยเลขานุการได้รับเบี้ยประชุมตามที่กระทรวงการคลังกำหนด คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะทำงานเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อพิจารณาศึกษาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้ โดยให้คณะกรรมการได้รับค่าตอบแทนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด เบี้ยประชุมตามวรรคหนึ่งและค่าตอบแทนตามวรรคสอง ให้เบิกจ่ายจากสำนักงาน ป.ย.ป.
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี