คดี 'บอส อยู่วิทยา' อย่าเป็นแค่ไฟไหม้ฟาง

คดี 'บอส อยู่วิทยา' อย่าเป็นแค่ไฟไหม้ฟาง

กรณีบอส อยู่วิทยา ไม่ใช่แค่เรื่องระดับชาติ แต่เป็นเรื่องระดับโลกที่ทุกประเทศเฝ้าจับตามองว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายกฯ ในฐานะผู้นำองค์กรและผู้นำประเทศ จะต้องเอาจริงเอาจัง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ

กรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติถอนหมายจับ คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ขับรถชนตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อเสียชีวิต ประเด็นสำคัญที่นำไปสู่คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง เนื่องจากอ้างพยานใหม่ระบุว่าได้เห็นตำรวจขี่รถจักรยานยนต์เปลี่ยนช่องทาง ตัดหน้ารถนายวรยุทธที่ขับมาไม่เร็วในระยะประชิด พนักงานอัยการจึงมีความเห็นว่านายวรยุทธไม่ได้ประมาท เป็นตำรวจที่ประมาท จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องในที่สุด ส่งผลให้นายวรยุทธ กลายเป็นผู้บริสุทธิ์

เรื่องนี้หลายภาคส่วนในสังคมออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง หลายฝ่ายเรียกร้องให้อัยการสูงสุดและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออกมาชี้แจง แต่ยังไม่มีคืบหน้าหรือความชัดเจนใดๆ ออกมา กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 28 ก.ค.63 ที่ผ่านมา คณะทำงานเพื่อตรวจสอบการพิจารณาสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ โดยการประชุมคณะทำงานฯ ได้เรียกสำนวนคดีอาญา ส.1 เลขรับที่ 107/2556 จากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 มาเพื่อพิจารณาว่าการสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าวเป็นไปตามหลักกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และมีเหตุผลการสั่งคดีดังกล่าวอย่างไร ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด

ปรากฏว่าการประชุมฯ ได้ใช้เวลาจนถึง 15.00 น.ของเมื่อวานนี้ ยังไม่แล้วเสร็จ จึงมีมติให้เลื่อนการประชุมต่อในวันนี้ (29 ก.ค.) รองโฆษกสำนักอัยการให้เหตุผล เนื่องจากมีเอกสารที่จะต้องตรวจพิจารณาเป็นจำนวนมาก เราเชื่อว่าประชาชนให้ความสนใจการประชุมคณะทำงานฯ คนไทยติดตามความเคลื่อนไหวสำนักงานอัยการสูงสุดกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างไม่ลดละ อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่สังคมเกิดความไม่พอใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย วาทกรรมคุกมีไว้ขังคนจน ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาหลายหน เพื่อประชดประชันระบบยุติธรรมเมื่อคนมีฐานะกระทำผิดแล้วไม่ติดคุก

ขณะที่การเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรมมีมาหลายรัฐบาลกระทั่งรัฐบาลชุดปัจจุบัน เมื่อครั้งเข้ามาในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้จุดประกายความหวังให้กับประชาชนไม่น้อย ทว่าผ่านไปเกือบ 6 ปี มีความคืบหน้าคือเข้าสู่ขั้นตอนสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และ พ.ร.บ.สอบสวนคดีอาญา แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกลับมีข้อสังเกตระบุในเชิงไม่เห็นด้วย เราเห็นว่ากรณี บอส อยู่วิทยา การเตะถ่วงในเรื่องการปฏิรูปต้องหยุดทันที

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำองค์กรและผู้นำประเทศ จะต้องเอาจริงเอาจัง ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะนายกฯ ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร กำกับดูสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง เราเห็นว่ากรณีบอส อยู่วิทยา ไม่ใช่แค่เรื่องระดับชาติ แต่เป็นเรื่องระดับโลกที่ทุกประเทศเฝ้าจับตามองว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร ไม่เพียงส่งผลต่อความเชื่อมั่นประเทศ คนไทยจะถูกตราหน้าจากชาวโลกให้อับอายขายขี้หน้าไปจนชั่วลูกชั่วหลาน รีบชำระสะสางเสียเถิด โอกาสอยู่ในมือท่านแล้ว