'อดีตเลขา สมช.' เชื่อม็อบขยายวงไปทั่วประเทศ จี้นายกฯ ยอมถอย

'อดีตเลขา สมช.' เชื่อม็อบขยายวงไปทั่วประเทศ จี้นายกฯ ยอมถอย

"อดีตเลขา สมช." เชื่อม็อบจะขยายวงไปทั่วประเทศ มีความหลากหลาย และไม่มีแกนนำ ในเวลาอันรวดเร็ว จี้ "นายกฯ" ยอมถอย เปิดทางสร้างความเชื่อมั่น ทำตามฉันทามติร่วม ก่อนประวัติศาสตร์ซ้ำรอย 

เมื่อวันที่  27 ก.ค.63  พลโทภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ และคณะกรรมการ กิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย มั่นใจว่า การเคลื่อนไหวของนักเรียน นักศึกษา ประชาชน จะสร้างความรับรู้ จนขยายวงเพิ่มขึ้นไปทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบัน มีการชุมนุมไปแล้วกว่า 40 จังหวัด เพื่อแสดงเจตนารมณ์ และนำเสนอ ข้อเรียกร้องหลักทั้ง 3 ประการ ซึ่งประกอบด้วย การเรียกร้องให้ยุติการคุกคามประชาชน การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา จะขยายวงไปครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยผู้เข้าร่วมจะไม่ถูกจำกัดเฉพาะกลุ่มนักศึกษาเป็นหลักเท่านั้น ขณะที่เนื้อหาสาระในการชุมนุมจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยกระบวนการดังกล่าว จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมหาวิทยาลัยและโรงเรียนต่างๆเปิดการเรียนการสอนเต็มรูปแบบ

อดีตเลขา สมช. เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง รับรู้และมองเห็นปัญหาในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะการชุมนุมจะมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่มีแกนนำ และจะเชื่อมโยง รับลูกถึงกันด้วยอุดมการณ์ร่วมกัน ซึ่งจะมีความต่อเนื่อง และกระจายออกไปพื้นที่ต่างๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ฝ่ายความมั่นคงสื่อสารไปถึงผู้มีอำนาจในประเด็นเหล่านี้ แต่ "ผู้มีอำนาจที่ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย มักเป็นพวกที่หูตึงตาบอด" จึงเชื่อว่ากลุ่มการเคลื่อนไหวถูกยุยงมา ซึ่งเป็นคุณลักษณะ ของผู้นำที่มาจากการยึดอำนาจ

ส่วนจะนำไปสู่การปราบปรามประชาชนหรือไม่นั้น เชื่อว่าฝ่าย ผู้มีอำนาจมีการเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ในอดีต เพียงแต่เห็นว่าปัจจุบัน ความพยายามที่จะผ่อนสถานการณ์สายเกินไปแล้ว เพราะประชาชนไม่เกิดความเชื่อถือศรัทธาอันมาจากการบริหาร ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดหากผู้มีอำนาจ บริหารจัดการและยอมถอยเป็น ก็จะไม่เกิดปัญหา แต่หากฝ่ายผู้มีอำนาจไม่ยินยอมที่จะถอย ยังยืนกรานที่จะยอมหักไม่ยอมงอ สุดท้ายประวัติศาสตร์ ที่เรียนรู้มาก็คงหลีกเลี่ยงความรุนแรงยาก

อดีตเลขา สมช. เชื่อว่า พลังการเคลื่อนไหวของนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชนจะกลายเป็นฉันทามติร่วม ที่นำไปสู่ การแก้ไข และการดำเนินการตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 เรื่อง เพราะการเคลื่อนไหว ของนักเรียนนักศึกษาเชื่อมโยงไปถึงคนทุกกลุ่ม ซึ่งข้อเสนอจะตกผลึกและกลายเป็นความชอบธรรมของคนส่วนใหญ่ โดยเชื่อว่ากระบวนการต่างๆจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ต้องเป็นไปตามหลักการทั้งหมด

อดีตเลขา สมช.  ระบุว่าปัจจุบันมาถึงจุดที่โชคร้ายของนายกรัฐมนตรีเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กลายเป็นตัวปัญหาหลัก คนจึงขาดความเชื่อมั่นและต้องการผู้นำใหม่ เพื่อเข้ามาดำเนินการ แทนพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อทำให้ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการ สัมฤทธิ์ผลและมีประสิทธิภาพตรงใจประชาชน

ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจะต้องถอยเพื่อให้บุคคลใหม่เข้ามาดำเนินการ ในสิ่งที่ประชาชนต้องการ จึงจะเกิดความเชื่อมั่นว่าข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ จะเกิดขึ้นได้จริง เช่นการหยุดการคุกคาม ตราบใดที่ผู้มีอำนาจมีรากฐานมาจากเผด็จการมาจากการยึดอำนาจ จึงเป็นเรื่องยากที่จะหยุดการคุกคามประชาชนเพราะเจ้าหน้าที่จะลอกเลียนแบบตัวผู้นำ หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเห็นว่าเกิดขึ้นได้ยากเพราะรัฐธรรมนูญถูกออกแบบ เพื่อพวกพ้องตนเองจึงมีวุฒิสมาชิก 250 คน ดังนั้นจะไปคาดหวัง เพื่อให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากตัวนายกรัฐมนตรีจึงเป็นเรื่องยาก