‘ทิพย’รุกตลาดรถยนต์ ดันเบี้ยประกันปีนี้โต6%

‘ทิพย’รุกตลาดรถยนต์  ดันเบี้ยประกันปีนี้โต6%

“ทิพยประกันภัย” คาดธุรกิจประกันวินาศภัยครึ่งปีหลังชะลอตัว เหตุ ถูกกดดันเศรษฐกิจถดถอย เล็งหันเจาะกลุ่มลูกค้า ประกันรถยนต์ที่เน้นได้รับบริการที่คุ้มค่า พร้อมคงเป้าเบี้ยประกันภัยปีนี้โต 6% จากปีก่อนที่ 2.1 หมื่นล้าน

นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยว่า ธุรกิจประกันภัยรถยนต์ของบริษัทในปีนี้ ไม่ได้ลงไปแข่งขันด้านราคาเหมือนกับค่ายอื่นๆ เพราะบริษัทจะเน้นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มองหาความคุ้มค่าในราคาจ่าย (Value for Money) และบริการที่ดี ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในบริษัทและมีการบอกต่อทำให้มีลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงบริษัทสามารถอยู่รอดในตลาดที่แข่งขันรุนแรงและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นนี้มาได้

ขณะเดียวกันลูกค้าใหม่ที่ซื้อประกันภัยโควิด-19 กับบริษัทแล้ว ยังมีการซื้อประกันอื่นๆ และประกันรถยนต์ตามมา และด้านลูกค้าเก่ามีการต่ออายุสูงถึง 80% ทำให้ยอดเบี้ยประกันรถยนต์ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมานี้เติบโตสวนกระแส

ปัจจุบันสัดส่วนประกันภัยรถยนต์ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 20% จากต้นปีนี้อยู่ที่ราว 15% และในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่า สัดส่วนที่เหมาะสมอยู่ที่ไม่เกิน 25% ของพอร์ตรวม

โดยลูกค้าที่เข้ามาซื้อมีทั้งการซื้อประกันภัยชั้น 1 2+ 3+ นอกจากประกันภัยรถยนต์แล้ว บริษัทยังได้นำเสนอให้ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เป็นต้น เฉลี่ยลูกค้าซื้อประกันของบริษัทอยู่ที่ 2-3 ผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้ สัดส่วนของค่าสินไหมทดแทนต่อค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Loss Ratio) ปรับดีขึ้นราว 10% จากปกติ เนื่องจากมีการใช้รถยนต์ที่น้อยลงในช่วงที่ผ่านมา แต่มองว่าเป็นปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น

“เราไม่อยากได้ลูกค้าที่ไล่ล่าหาราคาที่ถูกที่สุดซึ่งลูกค้าเหล่านี้ก็จะมองหาแต่ราคาถูกไปเรื่อย ๆ หากคนอื่นถูกกว่าเราเขาก็จะเปลี่ยนไปซื้อที่นั่น ซึ่งในจังหวะที่คนอื่นลดเรื่องการให้บริการลง แต่เราเพิ่มบริการมากขึ้น แม้ต้นทุนสูงขึ้น”

แม้อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยจะได้รับผลกระทบเบี้ยประกันภัยรับใหม่มีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่ในส่วนของบริษัทมีทั้งส่วนที่ได้รับผลกระทบและบางส่วนที่ยังขยายตัวได้ดี ดังนั้นบริษัทยังคงเป้าหมายอัตราการขยายตัวของเบี้ยประกันภัยที่ 6% จากปีก่อนที่อยู่ 21,846 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 1 ที่ผ่านมา นี้ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 6,103.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 527.55 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.88 บาท

สำหรับภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยในช่วงครึ่งปีหลัง ยังต้องเผชิญกับปัจจัยกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการบริษัทขนาดกลางและเล็กที่มีสายป่านสั้นหรือเงินทุนไม่มาก ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้ทยอยใช้เงินทุนเหล่านี้ประคองธุรกิจไปแล้วและยังไม่มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว ขณะเดียวกันกำลังซื้อของประชาชนทั่วไปก็ชะลอตัวลง โดยเฉพาะแรงงานในภาคการท่องเที่ยวที่ธุรกิจยังไม่สามารถกลับมาดำเนินการได้เต็มที่