นับถอยหลัง 100 วัน ทรัมป์ส่อแววแพ้เลือกตั้ง

นับถอยหลัง 100 วัน ทรัมป์ส่อแววแพ้เลือกตั้ง

นับจากวันอาทิตย์ (26 ก.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีเวลารักษาตำแหน่ง 100 วัน ขณะที่สหรัฐพยายามลดความตึงเครียดที่เขม็งเกลียวขึ้นทุกขณะ ก่อนการเลือกตั้งที่แตกแยกและดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งสหรัฐ

ขณะนี้โควิด-19 กำลังทำลายเศรษฐกิจสหรัฐ บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานรัฐบาลในทุกระดับ ผสมโรงด้วยการประท้วงต้านการเหยียดผิวและการกระทำรุนแรงของตำรวจ การจลาจลนำโดยพวกซ้ายจัด ทฤษฎีสมคบคิดของฝ่ายขวาเฟื่องฟู และการกล่าวหาว่ารัสเซียเข้าแทรกแซง ยิ่งทำให้สหรัฐตกอยู่ในภาวะลำบากตั้งแต่ความรุนแรงช่วงทศวรรษ 60

ศูนย์กลางความปั่นป่วนอยู่ที่ทรัมป์ มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ผู้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559 มาแบบเหลือเชื่อ แต่วันที่ 3 พ.ย.นี้อาจหน้าแตกก็ได้

คู่แข่งของเขาคือโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ที่ทรัมป์เหยียดว่า อ่อนแอ ซึมเซาและสภาพจิตใจไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำ กำลังมีคะแนนนำในโพลด้วยตัวเลขถึงสองหลัก

ทรัมป์ วัย 74 ปี ไบเดน วัย 77 ปี ชายชราผิวขาว 2 คน ดูแล้วช่างแตกต่างกับการลุกฮือต่อต้านการเหยียดผิวและเหยียดเพศในปีนี้

คนหนึ่งเกิดมาในตระกูลเศรษฐีเปี่ยมด้วยสิทธิพิเศษ อีกคนเป็น ส.ว. 3 ทศวรรษ และรองประธานาธิบดีของบารัก โอบามา อีก 2 สมัย นี่คือนักการเมืองอาชีพ

159561250095

แต่ทั้งทรัมป์และไบเดนจะสร้างความสับสนและขมขื่นให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทรัมป์เปิดประเด็นว่า ไบเดนจะทำให้คนอเมริกันต้องสยบยอมต่อม็อบหัวรุนแรงฝ่ายซ้ายและไบเดนโต้กลับไม่แพ้กันว่าเขากำลังต่อสู้ “เพื่อจิตวิญญาณของอเมริกา”

โพลหลายสำนักให้ไบเดนมีคะแนนนำทั่วประเทศ รวมทั้งในรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงพรรคใด และแม้แต่รัฐฐานเสียงของพรรครีพับลิกันอย่างเท็กซัส

โควิด-19 ที่ทรัมป์เรียกว่า “ศัตรูที่มองไม่เห็น” สร้างความหงุดหงิดให้กับเขาที่เคยจัดการกับโครงการที่มีรูปธรรมใหญ่โตอย่างตึกระฟ้า แต่ทรัมป์ต้องเผชิญกับความยุ่งยากในการไล่ให้ทันไบเดน 

ไบเดนหาเสียงแบบไม่เหมือนใครจากบ้านในรัฐเดลาแวร์ ไม่มีเวที สัมภาษณ์สื่อเพียงไม่กี่เจ้า ส่วนการแถลงข่าวก็มีน้อยมาก นักวิจารณ์ล้อเลียนว่า “ยุทธศาสตร์หลุมหลบภัย” แต่กลับได้ผลสำหรับผู้สมัครอย่างไบเดนที่มักถูกมองเป็น “จอมเด๋อ”

ผลการสำรวจความคิดเห็นของมหาวิทยาลัยควินนิเพ็ก เมื่อวันพฤหัสบดี (23 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น พบว่า ไบเดนมีคะแนน 51% ทรัมป์ 38% ในรัฐฟลอริดา ที่คะแนนเสียงผันผวนเทไปให้ใครก็ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนภัยของประธานาธิบดีทรัมป์