สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 20-24 กรกฎาคม 2563

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 20-24 กรกฎาคม 2563

เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่หุ้นไทยร่วงลงท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 เดือนครึ่งครั้งใหม่ แต่ภาพรวมการเคลื่อนไหวของเงินบาทตลอดสัปดาห์ยังคงเป็นกรอบแคบ โดยเงินบาทมีปัจจัยกดดันด้านอ่อนค่าจากปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ ประกอบกับทิศทางของสกุลเงินเอเชียถูกกระทบเป็นระยะจากสัญญาณที่มีความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ดีแรงเทขายเงินดอลลาร์ฯ ในช่วงที่สินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวจากข่าวการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทไว้ได้บางส่วน

- ในวันศุกร์ (24 ก.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.72 (หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งที่ 31.86) ทรงตัวจากระดับปิดในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 ก.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-31 ก.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.50-31.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ  โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด (28-29 ก.ค.) ปัจจัยการเมืองในประเทศ รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนมิ.ย. ของธปท. สถานการณ์โควิด-19 ของไทยและต่างประเทศ ตลอดจนท่าทีระหว่างสหรัฐฯ-จีน  ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก Core PCE Price Index เดือนมิ.ย. ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และจีดีพีไตรมาส 2/63 (ครั้งที่ 1) นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามข้อมูล PMI เดือนก.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนฉุดหุ้นไทย โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,340.92 จุด ลดลง 1.37% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 59,432.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.97% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.52% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 303.89 จุด      

- หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ก่อนจะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาขานรับข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนรักษาโควิด-19 และการที่สหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 อย่างไรก็ดี หุ้นไทยพลิกกลับมาร่วงลงในช่วงต่อมาท่ามกลางความกังวลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังทั้งสองฝ่ายสั่งปิดสถานกงสุลของอีกฝ่ายในเมืองสำคัญ นอกจากนี้ ตัวเลขส่งออกเดือนมิ.ย.ของไทยที่หดตัวลงอย่างมาก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่กดดันหุ้นไทยในช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน 

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-31 ก.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,325 และ 1,300 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,350 และ 1,365 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (28-29 ก.ค.) ประเด็นขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน สถานการณ์โควิด-19 สถานการณ์การเมืองในประเทศ รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของบริษัทจดทะเบียนฯ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2/63 ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายเดือนมิ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 2/63 ของยูโรโซน กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และดัชนี PMI เดือนก.ค. ของจีน รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่น