อ่อนตัวตามปัจจัยภายนอก

อ่อนตัวตามปัจจัยภายนอก

คาด SET อ่อนตัวทดสอบแนวรับ 1,350 – 1,355 จุดก่อนจะสลับดีดตัว ตามแรงกดดันของตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านราย

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index เพิ่มขึ้น 3 จุด (+0.19%) ปิดที่ระดับ 1,360 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7 หมื่นล้านบาท ดัชนียังผันผวนในกรอบจำกัด แม้จะได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับขึ้นคาดหวังสหรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่มูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่นักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุนจากความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหัฐ หลังจากสหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวส์ตัน และจีนขู่ตอบโต้สหรัฐเช่นกัน ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,054 ล้านบาท  แต่ Net Short TFEX 5,147 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 860 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นลบคาด SET อ่อนตัวทดสอบแนวรับ 1,350 – 1,355 จุดก่อนจะสลับดีดตัว ตามแรงกดดันของตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 18 แม้ว่าจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้วก็ตาม อีกทั้งยอดผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องส่งผลให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยรุนแรง นอกจากนี้ยังมีแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว 4 วันซึ่งเป็นลบต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงซื้อในหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัวหรือกลุ่มที่งบ 2Q20 เติบโต รวมถึงความคาดหวังสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาราข้ามาช่วยหนุนดัชนีให้สลับดีดตัวขึ้น

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มอาหาร (CPF GFPT TU TFG ASIAN ) และ กลุ่มอิเล็ค ( KCE DELTA HANA SVI ) ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าลง
  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  ( TOP PTTGC SPRC SCC BGRIM CKP CPF TU TASCO STA STGT SPALI AP PRM PTL AJ STARK CBG TQM )

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TASCO (ปิด 26.75 ซื้อ/เป้า สูงสุด IAA Consensus 32) เก็งกำไรงบ 2Q20 พลิกมีกำไร 1,400-1,500 ล้านบาทเทียบกับขาดทุนสุทธิ 784 ล้านบาทใน 1Q20 โดยมีแรงหนุนจากการบันทึกกลับ NRV ทั้งหมดหลังจากราคายางมะตอยกลับมาเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 1Q20 และ 3Q20 ยังมี Sentiment บวกจากดีมานด์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากจีนหลังจากปีนี้จีนเกิดน้ำท่วมหนักส่งผลให้รัฐจำเป็นต้องเร่งซ่อมแซมถนนหนทาง (TASCO ส่งออกยางมะตอยไปจีนคิดเป็น 40%)
  • JMT (ปิด 27.5 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 30) ผลประกอบการ 2Q20 ยังมีลุ้นทำ All Time High ได้ต่อเนื่อง จากยอดเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตหรือฐานลูกหนี้ที่ขยายตัว และคาดกำไรสุทธิจะยังเพิ่มขึ้นอีกในครึ่งปีหลังเนื่องจากพอร์ตลูกหนี้บางส่วนตัดต้นทุนหมดแล้วทำให้ได้อัตรากำไรที่ค่อนข้างสูงขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจหดตัวยังเร่งให้สถาบันการเงินเร่งขาย NPLs มากขึ้นเป็นโอกาสของ JMT ในการเข้าซื้อ NPLs ในราคาที่ถูกลงเป็นบวกต่อผลประกอบการในระยะยาว

บทวิเคราะห์วันนี้

PLANB (ปิด 5.4 ซื้อ/เป้า 7.8), STGT (ปิด 80.5 ถือ/เป้า 73.5), VGI (ปิด 7.05 ซื้อ/เป้า 8.6)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) ดาวโจนส์ร่วง 350 จุด ผิดหวังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้: โดยวานนี้สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 1.42 ล้านคน สูงกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 1.3 ล้านคน และเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ 1.3 ล้านคน นับเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลขที่มากกว่าระดับ 1 ล้านคนติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 18 แม้ปัจจัยนี้อาจจะเร่งให้สภาคองเกสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ แต่เนื่องจากการพิจารณาของสภาฯ ยังมีความล่าช้าจึงทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดลดลง 350 จุด (-1.31%) ปิดที่ระดับ 26,652 จุด
  • (-) จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่ทั่วโลกกลับมาเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง: จากการรายงานตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ของ worldometer ระบุว่าวานนี้ทั่วโลกมีจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2.8 แสนคน นับเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคในช่วงต้นปี ส่งผลให้ล่าสุดมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 15.6 ล้านราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิต 6.3 แสนราย จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังเพิ่มขึ้นจะยังทำให้หลายประเทศยังจำเป็นที่ต้องนำมาตรการ lockdown บางส่วนออกมาใช้ทำให้การฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจเป็นไปแบบจำกัดส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจรวมช้ากว่าที่ควรจะเป็น
  • (+/-) สัปดาห์หน้าติดตามการประกาศงบ 2Q20 ของกลุ่ม Real sector และ การประชุม FED คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ตามเดิม: สัปดาห์หน้าตลาดหุ้นไทยเปิดทำการเพียง 3 วัน แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกยังเปิดทำการปกติ ปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่การประกาศงบ 2Q20 ของกลุ่ม real sector ซึ่งจะทยอยประกาศงบตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป นำโดย SCC PTTEP SCCC HMPRO GLOBAL เบื้องต้นคาดภาพรวมผลกำไรจะยังออกมาไม่ดีเนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการ lockdown เต็มไตรมาส (ยกเว้น SCC คาดมีกำไรสุทธิดีขึ้นเพราะไม่มี stock loss ในอุตสาหกรรมปิโตร) ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตามคือการประชุมของ Fed ในช่วงวันที่ 28-29 ก.ค. เรามีมุมมองเป็นกลางคาด Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ตามเดิม และในช่วงปลายสัปดาห์กลุ่มประเทศในยุโรปและสหรัฐจะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2/20 (เป็นตัวเลขเบื้องต้น)