'เอดีบี' ตัดขายหุ้นโรงไฟฟ้า โยนบิ๊กล็อต ‘กัลฟ์-บีกริม’ กดราคาหุ้นดิ่งหนัก

'เอดีบี' ตัดขายหุ้นโรงไฟฟ้า  โยนบิ๊กล็อต ‘กัลฟ์-บีกริม’ กดราคาหุ้นดิ่งหนัก

‘เอดีบี’ ขายหุ้นบิ๊กล็อต ‘กัลฟ์ - บีกริม’ รวมมูลค่า 9.64 พันล้านบาท ขณะราคาหุ้นทั้งสองบริษัทร่วง 4- – 7% เหตุราคาขายต่ำกว่าราคาปิดก่อนหน้า ผู้บริหารยันไม่กระทบการดำเนินงาน ด้าน บอร์ด ‘กัลฟ์’ ชงผู้ถือหุ้นอนุมัติเพิ่มทุนหุ้นละ 30 บาท

จากข้อมูลรายงานการซื้อขายรายใหญ่ (Big lot) ช่วงเช้าวันที่ 23 ก.ค. พบว่า มีการทำรายการซื้อขายหุ้นของสองบริษัทโรงไฟฟ้าในช่วงระหว่างคืนที่ผ่านมา คือ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และบมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) โดยซื้อขาย big lot ในหุ้น BGRIM มีจำนวน 2 รายการ ที่ราคาเฉลี่ย 50.80 บาท คิดเป็นมูลค่า 3.45 พันล้านบาท ขณะที่การซื้อขายหุ้น GULF มีจำนวน 2 รายการ ที่ราคาเฉลี่ย 35.15 บาท คิดเป็นมูลค่า 6.18 พันล้านบาท​

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า รายการ Big lot ดังกล่าว เป็นการขายหุ้นออกมาโดย ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ Asian Development Bank (ADB) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน GULF และ BGRIM สัดส่วน 3% และ 4.72% ตามลำดับ ทั้งนี้ ราคาซื้อขายผ่านรายการ big lot ดังกล่าวของหุ้นทั้งสองบริษัท เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาปิดเมื่อ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยราคาปิดของ GULF ณ 22 ก.ค. อยู่ที่ 37 บาท ขณะที่ราคาปิดของ BGRIM อยู่ที่ 53.75 บาท

ขณะที่ราคาหุ้นของทั้ง GULF และ BGRIM ต่างปรับตัวลดลงทั้งคู่ โดย GULF ลดลงไปต่ำสุดที่ 33.25 บาท หรือลดลงราว 10.13% จากวันก่อนหน้า ขณะที่ BGRIM ลดลงไปต่ำสุดที่ 51 บาท หรือลดลงราว 5.11% จากวันก่อนหน้า

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM เปิดเผยว่า ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ขายหุ้นออกมา 68 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 2.61% ของหุ้น BGRIM จากที่ ADB ถือหุ้นทั้งหมด 123 ล้านหุ้น เป็นนโยบายภายในของ ADB ซึ่งเป็นสิทธิของผู้ถือหุ้นเอง ขณะที่บริษัทไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นของ ADB ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินงานของ BGRIM เนื่องจาก ADB ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารแต่อย่างใด

สำหรับการขยายธุรกิจต่อจากนี้ BGRIM จะขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ จากปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 47 โครงการ กำลังผลิตรวม 3,019 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างก่อสร้างและพัฒนาอีกหลายโครงการ กำลังการผลิตรวม 3,547 เมกะวัตต์ โดยบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2565

ขณะเดียวกันบริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะสามารถเติบโตได้ในกรอบ 10-15% ด้วยการขยายกำลังการผลิตและขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโปรแกรมการเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าและการบริหารค่าใช้จ่าย

ด้านนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการ GULF เปิดเผยว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับทาง ADB ในส่วนของการทำรายการครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มองว่าการขายหุ้นเป็นสิทธิของผู้ถือหุ้นในการกำหนดกลยุทธ์ด้านการลงทุน

“เรายังไม่มีมีการพูดคุยกับทาง ADB ถึงการขายหุ้นครั้งนี้ แต่เชื่อว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐาน เพราะทาง GULF ยังไม่มีปัจจัยเชิงลบ ด้านผลประกอบการของบริษัทฯ มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องจากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า และการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง”

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริหารของ GULF ได้อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,066.65 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ในราคาหุ้นละ 30 บาท โดยจัดสรรในอัตราส่วน 10 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่

ทั้งนี้ กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิ คือวันที่ 7 ส.ค. 2563 และกำหนดวันจองซื้อ 14-18 ก.ย. 2563 โดยการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะนำเงินไปลงทุนในโครงการต่างๆ รวมถึงการนำเงินไปชำระคืนหนี้บางส่วน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียน