'สุวัจน์' เปิดใจจากยุค 'เสียบเพื่อชาติ' สู่ 'ถอยเพื่อชาติ'

'สุวัจน์' เปิดใจจากยุค 'เสียบเพื่อชาติ' สู่ 'ถอยเพื่อชาติ'

“สุวัจน์” เปิดใจจากยุค "เสียบเพื่อชาติ" สู่ "ถอยเพื่อชาติ" เปิดทางให้ นายกรัฐมนตรี ปรับโผ ครม.

การยื่นใบลาออกของ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา น้องชายของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ในห้วงเวลาของการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้สร้างความฮือฮาและเกิดคำถามตามมามากมายเกี่ยวกับท่าทีของพรรคชาติพัฒนาในครั้งนี้ว่า มีอะไรในกอไผ่หรือไม่ ชาติพัฒนาจะยังคงสนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อไปหรือไม่

ล่าสุด นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา เปิดใจกล่าวถึงจุดยืนและการท่าทีของพรรคชาติพัฒนา โดยเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อนหน้านี้ สุวัจน์ เล่าว่า เมื่อเกือบ 30 ปีก่อน สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เหตุการณ์ทางการเมืองในครั้งนั้นมีลักษณะคล้ายกับวันนี้อยู่ไม่น้อย มีพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว ทำให้เวลานั้นต่างคิดกันว่า ท้ายที่สุดคงจะต้องไปเลือกตั้งกัน

กระทั่ง พล.อ.ชาติชาย ชาติชาย ชุณหะวัณ หัวหน้าพรรคในขณะนั้นได้ตัดสินใจเอาพรรคชาติพัฒนาเข้าร่วมกับรัฐบาล ท่ามกลางกระแสวิพากวิจารณ์ว่า “ชาติพัฒนา เป็น พรรคจอมเสียบ” และเกิดเป็นวลีติดปากกันในเวลานั้นว่า “เสียบเพื่อชาติ” ขึ้น 

เนื่องจาก พล.อ.ชาติชาย ในฐานะหัวหน้าพรรคในขณะนั้น บอกถึงการเข้าร่วมรัฐบาลในวันนั้นว่า ..วันนี้พรรคชาติไทยพัฒนาเข้าร่วมกับรัฐบาลเพื่อให้มีรัฐบาลบริหารประเทศ ประเทศชาติกำไร แต่ ชาติพัฒนา ขาดทุน.. นั่นคือคำพูดของพล.อ.ชาติชาย เมื่อ 25 ปีที่แล้ว

 

และ วันนี้เหตุการณ์นั้นได้ย้อนกลับมาอีกครั้งแต่ไม่ใช่ "การเสียบเพื่อชาติ" วันนี้เป็น "การถอยเพื่อชาติ" เพื่อให้นายกรัฐมนตรีปรับครม.ได้ บ้านเมืองจะได้อยู่ได้ มีครม.มาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน และนี่คือ การเสียสละของชาติพัฒนา นั่นคือ การถอยเพื่อชาติ” นายสุวัจน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวย้ำ   

 

เป็นอีกครั้งที่ พรรคชาติพัฒนา สร้างวลีใหม่ให้เกิดขึ้นทางการเมืองไทย จากวลีเด็ดเมื่อ 30 ปีก่อนที่ว่า "พรรคจอมเสียบ" เมื่อ 30 ปีก่อน วันนี้ได้สร้างปรากฏการใหม่กับวลีเด็ดในปี 2563 ที่ว่า "ถอยเพื่อชาติ"  

สำหรับนายสุวัจน์ เริ่มเข้าสู่ถนนการเมืองโดยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2531 ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ 1 และในปี 2534 ได้นั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ 2 หลังการยุบสภาในปี พ.ศ. 2535 นายสุวัจน์ ได้เข้าร่วมกับพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ, นายกร ทัพพะรังสี และสมาชิกจำนวนหนึ่งจัดตั้งพรรคชาติพัฒนาขึ้น

 

นายสุวัจน์ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ต่อจากนายกร ทัพพะรังสี ที่ลาออกไปร่วมกับพรรคไทยรักไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 นายสุวัจน์ ได้ประกาศยุบพรรคชาติพัฒนาเข้าร่วมกับพรรคไทยรักไทย จากนั้นในปี พ.ศ. 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมืองปี 2549  จึงได้นำสมาชิกในกลุ่มย้ายไปสังกัดพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา

 

ที่ผ่านมา นายสุวัจน์ ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆทางการเมืองมากมาย เช่น สมัยรัฐบาลของพล.อ.สุจินดา คราประยูร ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในปี 2538 นั่งเก้าอี้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ปี 2540 ดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในรัฐบาลนายชวน หลีกภัย  

 

ในปี พ.ศ. 2545 เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเป็นรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย ในสมัยรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร 1  และก้าวขึ้นเป็นรองนายกรัฐมนตรีในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2547ต่อจากนั้นได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร 2