‘ทรัมป์’ เตือน สถานการณ์โควิดสหรัฐ ‘แย่ลง’ ก่อนฟื้น

‘ทรัมป์’ เตือน สถานการณ์โควิดสหรัฐ ‘แย่ลง’ ก่อนฟื้น

“โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐ เตือนว่า การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในสหรัฐอาจ “เลวร้ายลงก่อนจะฟื้น” ถือเป็นการปรับท่าทีอ่อนลงหลังเคยยืนกรานว่า ยอดผู้ป่วยสะสมในประเทศที่สูงลิ่วเป็นผลจากการตรวจเชื้อไวรัสให้ประชาชนเพิ่มขึ้น

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคาร (21 ก.ค.) ว่า สถานการณ์การระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 อาจเลวร้ายลงก่อนจะดีขึ้นในภายหลัง

“นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะพูด แต่มันเป็นแบบนั้น มันเป็นสิ่งที่เราต้องเจอ คุณลองดูทั่วโลกตอนนี้ ไวรัสลามไปทุกแห่งแล้ว” นายทรัมป์กล่าว

ความเห็นของผู้นำสหรัฐมีขึ้นในช่วงที่ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ระบุว่า ชาวอเมริกันติดโควิดแล้วกว่า 3.8 ล้านคน และเสียชีวิตแล้วกว่า 1.41 แสนคน นับถึงวันอังคาร

นอกจากนี้ การตอบสนองโรคโควิด-19 ของประธานาธิบดีทรัมป์ยังถูกวิจารณ์อย่างหนัก ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เขาสบประมาทความอันตรายของไวรัสนี้ด้วยการอ้างว่า ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการปูพรมตรวจเชื้อให้ประชาชนเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อต่างแย้งคำกล่าวอ้างของนายทรัมป์ว่า อัตราผู้มีผลตรวจเชื้อโควิดเป็นบวก อัตราคนเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล และอัตราการเสียชีวิตจากโควิดในสหรัฐ ยังคง "อยู่ในระดับสูง" ในบางรัฐ

ประธานาธิบดีทรัมป์เสริมว่า ขณะนี้ผู้ว่าการรัฐทั่วประเทศกำลังทำงานหนักมาก โดยรัฐฟลอริดากำลังอยู่ในสถานะยากลำบากครั้งใหญ่ ขณะที่รัฐบาลกลางก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งแจกจ่ายเครื่องช่วยหายใจ เสื้อกาวน์สำหรับเจ้าหน้าที่แพทย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ ที่โรงพยาบาลจำเป็นต้องใช้

นายทรัมป์ย้ำด้วยว่า สุดท้ายแล้ว ไวรัสนี้จะหายไปเอง ซึ่งขัดแย้งกับความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ